กบข.โชว์ผลตอบแทนแผนสมดุลตามอายุปี 67 ที่ 8.93% พร้อมปรับกลยุทธ์ลงทุนรับความท้าทายปี 68

นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ เลขาธิการคณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เปิดเผยว่า กบข. ได้ติดตามสถานการณ์การลงทุนทั้งในและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์ให้สอดรับกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลก อาทิ การเติบโตของหุ้นเทคโนโลยีจากกระแส AI First ราคาทองคำที่เพิ่มขึ้นจากแรงซื้อของธนาคารต่าง ๆ และแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ ปรับลดลง ซึ่ง กบข. ได้ปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด กระจายการลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่น หุ้นประเทศพัฒนาแล้ว หุ้นตลาดเกิดใหม่ ตราสารหนี้ และทองคำ

โดย ณ สิ้นปี 2567 กบข. มีขนาดกองทุนใหญ่ขึ้น 1.06 แสนล้านบาท รวมมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (รวมเงินสำรอง) ที่ประมาณ 1.4 ล้านล้านบาท สามารถสร้างผลตอบแทนแผนสมดุลตามอายุ (สัดส่วนใหม่) 8.93% แผนทองคำ 24.67% แผนหลัก 3.73% ซึ่ง กบข. สามารถดำเนินงานได้ตามเป้าหมายผลตอบแทนการลงทุนระยะยาว ชนะอัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังบวก 2%

สำหรับปี 68 กบข. ประเมินเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอตัวที่ 2.10% ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจปรับลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ ด้านเศรษฐกิจไทย คาดว่าจะขยายตัวในช่วง 2.4-2.8% จากแนวโน้มดังกล่าว กบข. มีมุมมองเชิงบวกต่อสินทรัพย์กลุ่มเติบโต (Growth Assets) โดยให้ความสำคัญกับการลงทุนในหุ้นตลาดพัฒนาแล้ว พร้อมกระจายการลงทุนไปยังตราสารหนี้เพื่อลดความผันผวน

ขณะเดียวกัน ทองคำยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ แต่ต้องลงทุนอย่างระมัดระวัง และ กบข.ยังคงติดตามปัจจัยเสี่ยง จากนโยบายการคลังและภาวะเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์การลงทุนให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคง และยั่งยืนให้แก่สมาชิก

“ทิศทางในปี 68 นี้ ความผันผวนและความไม่แน่นอนจะมีมากขึ้นกว่าปี 67 โดยหลายปัจจัยจะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้นกว่าเดิม เช่น นโยบายภาษีของทรัมป์ ส่วนที่มีความผันผวนมากขึ้น เช่น ตลาดทุน, ทางเลือกในการลงทุน ดังนั้นในปีนี้ จึงถือว่ามีความท้าทายมากกว่าปี 67” นายทรงพล กล่าว

อย่างไรก็ดี ในปี 68 กบข.จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสร้างผลตอบแทนให้กับสมาชิกให้ได้ในระดับ 4% แต่ไม่รับปากว่าจะได้แน่นอน

นายทรงพล กล่าวว่า สิ่งที่ กบข.จะให้ความสำคัญ และถือเป็นยุทธศาสตร์การลงทุน ประกอบด้วย 4 เรื่องหลัก คือ 1.สินทรัพย์ที่จะลงทุน 2.ประเทศที่จะลงทุน 3.ความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่จะลงทุน และ 4.อัตราแลกเปลี่ยนของสินทรัพย์ที่จะลงทุน

สำหรับสถานการณ์หุ้นไทยที่ปรับตัวลง จะมีผลต่อการปรับแผนการลงทุนของ กบข.อย่างไรนั้น นายทรงพล กล่าวว่า มุมมองที่มีต่อหุ้นไทยนั้น กบข.ไม่ได้มองภาพการลงทุนเป็นรายตะกร้า แต่มองหุ้นไทยเป็นรายตัว ดังนั้นจะเห็นว่าตั้งแต่ปีที่ผ่านมา กบข.ได้ปรับดัชนีอ้างอิงภายในของ กบข. จาก SET50 เป็น SET50 Free Float เพราะฉะนั้นเราจะดูลักษณะของตัวหุ้นที่อยู่ในตลาด และเราเลือกลงหุ้นเฉพาะตัว เป็น selection ซึ่ง กบข.ได้เพิ่มสัดส่วนในปีที่แล้ว แล้วเพิ่มสัดส่วนปีนี้ด้วย แต่เลือกลงทุนในหุ้นเป็นรายตัว

“หุ้นไทย ก็คือบ้านเรา เพราะฉะนั้นตัวที่ดี ตัวที่ยังโต yield สูง มีลักษณะการประกอบการที่ยังเติบโต เราก็ยังลงทุนอยู่ นี่คือหุ้นที่มีการซื้อขายบนกระดาน แต่ตัวที่ไม่ได้มีการซื้อขายบนกระดาน เราก็ลงทุนด้วย เราไม่ได้ซื้อเฉพาะหุ้นที่อยู่บนกระดาน เราลงทุนในส่วนที่เป็น Private investment, Private Liquidity … เงินใน กบข.โตขึ้นทุกปี พอเราได้เงินมา เราก็มาเลือกดูการลงทุน ประเทศไทยเป็นบ้านของเรา เราก็ต้องลงทุนทั้งตัวที่อยู่ในกระดาน และนอกกระดาน” นายทรงพล กล่าว

ส่วนการขยายตลาดการลงทุนนั้น กบข. ยังให้ความสนใจกับตลาดที่มีการเติบโตสูง ทั้ง Develop market และ Emerging Market แม้ในปีที่ผ่านมาจะมีความผันผวนสูงมาก และปีนี้ก็ยังเชื่อว่าจะผันผวนมากกว่าปีก่อนก็ตาม แต่เราจะเลือกลงทุนใน sector ดูบริษัท ดูการเติบโตของ GDP ในอุตสาหกรรม ซึ่งยังยืนยันว่าทั้ง Develop market และ Emerging Market กบข.ยังให้น้ำหนักของการลงทุนสูงอยู่

ส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลนั้น เลขาธิการ กบข.กล่าวว่า กบข.ยังติดตามอย่างใกล้ชิด แต่ต้องยอมรับว่าเราต้องทำความเข้าใจ และต้องมีคุณลักษณะของความเป็นสินทรัพย์ก่อน เพราะฉะนั้นอาจจะเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเราสนใจที่จะลงทุน หรือไม่สนใจที่จะลงทุน แต่เราขอดูพัฒนาการก่อน

นอกจากนี้ กบข. ยังได้ศึกษาความเพียงพอ ณ เกษียณของสมาชิก กบข. พบว่า 82% จากสมาชิก 1.2 ล้านราย มีโอกาสที่จะไม่บรรลุเป้าหมายความเพียงพอ ณ เกษียณในระดับดี ปัจจัยหลักมาจากอายุขัยเฉลี่ยที่ยืนยาวขึ้นถึง 80 ปี หนี้สินเฉลี่ยของสมาชิกวัยใกล้เกษียณ (55-60 ปี) สูงถึง 1.95 ล้านบาทต่อคน และค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 2% ต่อปี

ดังนั้น กบข. เตรียมเดินหน้าส่งเสริมทักษะทางการเงินร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร และจัดกิจกรรมทั่วประเทศ เพื่อสื่อสารกระตุ้นให้สมาชิกออมเพิ่ม และเปลี่ยนแผนการลงทุนตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หรือเลือกเปลี่ยนแผนการลงทุนมาอยู่ในแผนสมดุลตามอายุ เพื่อเพิ่มโอกาสให้สมาชิกสามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงิน มีคุณภาพชีวิตที่มั่นคงหลังเกษียณ และเกษียณอย่างมีสุข

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 68)

Tags: , , ,
Back to Top