ไต้หวันลั่นพร้อมเพิ่มการลงทุน-ซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ หวังทรัมป์ปรานีภาษีการค้า

ประธานาธิบดีไล่ ชิงเต๋อ แห่งไต้หวัน ให้คำมั่นว่าจะลงทุนและซื้อสินค้าจากสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น เพื่อ “ส่งเสริมดุลการค้าทวิภาคี” หวังผ่อนคลายท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ หลังผู้นำสหรัฐฯ ประกาศทวงธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์คืนจากไต้หวัน

ปธน.ไล่กล่าวถึงเรื่องดังกล่าวในวันนี้ (14 ก.พ.) และระบุด้วยว่า ไต้หวันพร้อมร่วมมือกับสหรัฐฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเซมิคอนดักเตอร์ หลังจากวานนี้ ทรัมป์วิจารณ์ไต้หวันว่าแย่งธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ไปจากสหรัฐฯ พร้อมทั้งระบุว่า เขาต้องการให้ธุรกิจชิปอเมริกัน “กลับคืนสู่สหรัฐฯ”

ข้อมูลทางการของสหรัฐฯ เผยว่า ในปี 2567 สหรัฐฯ ขาดดุลการค้าสินค้ากับไต้หวันมากเป็นอันดับที่หก รองจากจีน เม็กซิโก เวียดนาม ไอร์แลนด์ และเยอรมนี

ไล่กล่าวว่า เขาตระหนักถึงความกังวลของทรัมป์ และไต้หวันจะติดต่อสื่อสารกับสหรัฐฯ เพิ่มเติม ในขณะที่รัฐบาลไต้หวันจะหารือกับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์เพื่อกำหนดกลยุทธ์และแผนงานต่อไป

“เราหวังว่าจะสร้างอนาคตที่ทุกฝ่ายต่างได้ประโยชน์” ไล่กล่าว พร้อมกับเสริมว่า ไต้หวัน “มีความได้เปรียบในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อย่างแน่นอน แต่เราก็เห็นด้วยว่า เป็นความรับผิดชอบของไต้หวันที่จะต้องสนับสนุนความเจริญรุ่งเรืองและการพัฒนาของชุมชนระหว่างประเทศ”

ไล่กล่าวว่า ไต้หวันเป็นคู่ค้าที่สหรัฐฯ “เชื่อถือได้มากที่สุด” และเป็นพันธมิตร “ที่สำคัญที่สุด” ของบริษัทอเมริกันในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ระดับโลก ทั้งนี้ ไต้หวันเป็นที่ตั้งของบริษัทผลิตชิปรายใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง ไต้หวัน เซมิคอนดักเตอร์ แมนูแฟกเจอริง (TSMC) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะสร้างห่วงโซ่อุปทานในสหรัฐฯ โดย TSMC กำลังลงทุน 6.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในรัฐแอริโซนา เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิปสามแห่ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ก.พ. 68)

Tags: , , ,
Back to Top