แม้บราซิลประสบปัญหาเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองล่าช้า จีนก็ไม่ได้หันมาซื้อถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างที่คาดการณ์กัน ทั้งที่จีนเป็นผู้นำเข้าถั่วเหลืองรายใหญ่ของบราซิล โดยครองสัดส่วนถึง 70% ของการส่งออกถั่วเหลืองตลอดทั้งปีของบราซิล
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวันนี้ (31 ม.ค.) ว่า ปกติแล้วหากบราซิลเก็บเกี่ยวล่าช้า จะเป็นโอกาสให้สหรัฐฯ ส่งออกถั่วเหลืองได้มากขึ้น แต่ในช่วงที่ผ่านมา ทั้งปริมาณการส่งออกโดยรวมและความสนใจจากจีนกลับอยู่ในระดับต่ำ
แม้ยอดส่งออกถั่วเหลืองสหรัฐฯ ให้กับจีนจะพุ่งขึ้นในช่วงสั้น ๆ กลางเดือนม.ค. แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นเพียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียว โดยยอดขายรายสัปดาห์ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาส่วนใหญ่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แม้เมื่อเทียบกับเป้าที่ตั้งไว้ต่ำแล้วก็ตาม
ตามข้อมูล ณ วันที่ 23 ม.ค. ยอดสั่งซื้อถั่วเหลืองที่จีนสั่งซื้อจากสหรัฐฯ เพื่อส่งมอบในปีการตลาด 2567-68 มีสัดส่วนเพียง 47% ของยอดสั่งซื้อทั้งหมด ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 17 ปี (ไม่นับช่วงสงครามการค้า) ส่วนอีก 9% เป็นการขายให้กับประเทศที่ไม่ระบุชื่อ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับปกติและไม่ได้บ่งชี้ว่าจีนกำลังอำพรางการซื้อแต่อย่างใด
หากพิจารณาด้านปริมาณ ยอดสั่งซื้อถั่วเหลืองสหรัฐฯ ของจีนลดลง 3% จากปีก่อน สอดคล้องกับที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) คาดการณ์ว่า การนำเข้าถั่วเหลืองของจีนในปี 2567-68 จะลดลงในอัตราใกล้เคียงกัน
อย่างไรก็ตาม การนำเข้าของจีนในช่วงที่ผ่านมาต่ำกว่าตัวเลขดังกล่าวมาก เนื่องจากบราซิลส่งมอบได้น้อยลง โดยยอดนำเข้าในช่วงพ.ย.-ธ.ค.ลดลงถึง 15% เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้ว่าการนำเข้าจากสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นในสัดส่วนเดียวกันก็ตาม
ปริมาณถั่วเหลืองที่เข้าจีนอาจยังอยู่ในระดับต่ำไปอีกหลายสัปดาห์ เนื่องจากการส่งออกของบราซิลในเดือนม.ค.ต่ำกว่าปีที่แล้วและต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก อย่างไรก็ตาม คาดว่าบราซิลจะมีถั่วเหลืองส่งออกอย่างเพียงพอตั้งแต่เดือนก.พ. อีกทั้งราคายังแข่งขันได้ด้วย
เมื่อดูจากตารางการขนส่งทางเรือ การส่งออกถั่วเหลืองของบราซิลในเดือนก.พ.มีแนวโน้มจะสูงกว่าค่าเฉลี่ย และอาจทำลายสถิติปริมาณส่งออกของปีที่แล้วได้ แม้ว่าปีนี้จะมีปัญหาเก็บเกี่ยวล่าช้าก็ตาม
นอกจากความล่าช้าของบราซิลแล้ว รัฐมนตรีเกษตรของจีนได้แถลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า อุตสาหกรรมสุกรของประเทศได้พลิกฟื้นจากภาวะขาดทุน ซึ่งในทางทฤษฎีน่าจะช่วยกระตุ้นความต้องการถั่วเหลือง อีกทั้งค่าการสกัดถั่วเหลืองขั้นต้น (soybean crush margin) ของจีนก็ปรับตัวดีขึ้นในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปัจจัยและตัวเลขเหล่านี้ทำให้ยากที่จะมองบทบาทของจีนในตลาดถั่วเหลืองสหรัฐฯ ในเชิงบวก แม้ผู้ประกอบการบางรายจะมองว่าจีนอาจกักตุนถั่วเหลืองสหรัฐฯ ไว้ก่อน เพราะกังวลเรื่องภาษีนำเข้าที่อาจเพิ่มขึ้น แต่ตัวเลขการส่งออกของสหรัฐฯ ก็ไม่ได้สนับสนุนข้อสันนิษฐานนี้
แม้สถานการณ์จะไม่ได้เลวร้ายเสียทีเดียวสำหรับสหรัฐฯ เพราะถึงแม้ USDA จะคาดการณ์ว่าการส่งออกปี 2567-68 จะต่ำกว่าค่าเฉลี่ย แต่ยอดขายถั่วเหลืองไปยังประเทศอื่นที่ไม่ใช่จีนกลับสูงเป็นอันดับ 3 เป็นประวัติการณ์ และเพิ่มขึ้น 30% จากปีก่อน โดยเฉพาะยอดขายให้ยุโรปที่สูงกว่าปกติอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตาม จีนยังคงเป็นตลาดสำคัญ เพราะรองรับการส่งออกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ถึง 54% ในปี 2566-67 และยังไม่แน่ชัดว่าการค้าระหว่างกันจะถูกกระทบหนักขึ้นอีกหรือไม่ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพิจารณาเรียกเก็บภาษีสินค้าจีนเพิ่ม ซึ่งอาจเริ่มได้เร็วที่สุดในสุดสัปดาห์นี้
ราคาถั่วเหลืองสะท้อนสถานการณ์ที่ย่ำแย่ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับข้าวโพด คาดว่าในฤดูใบไม้ผลินี้ เกษตรกรสหรัฐฯ จะลดพื้นที่ปลูกถั่วเหลืองลงอย่างมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยหันไปปลูกข้าวโพดแทน ซึ่งอาจช่วยควบคุมปริมาณถั่วเหลืองในสหรัฐฯ ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ม.ค. 68)
Tags: ถั่วเหลือง, บราซิล