ขีดเส้น 3 เดือนห้ามเผา!! มท.1 ลั่นบังคับใช้กฎหมายเข้มแก้ PM2.5

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (บกปภ.ช.) เพื่อติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) กล่าวว่า มูลเหตุของปัญหาอยู่ที่การเผา ดังนั้นช่วง 3 เดือนนี้ห้ามเผา ทั้งเผาป่า เผาในที่โล่ง เผาทางการเกษตร ไม่ว่าจะเป็นฟาง ซังข้าวโพด ใบอ้อย การเผาถือว่าผิดกฎหมาย ต้องดำเนินคดี อย่าลืมว่าโทษรุนแรงไปถึงขั้นจำคุก ผู้ที่ยังฝ่าฝืนจะไม่ได้รับการช่วยเหลือใด ๆ จากรัฐกรณีช่วยเหลือเยียวยาในโอกาสต่าง ๆ ในอนาคต

นายอนุทิน ย้ำว่า เราต้องควบคุมไม่ให้มีการเผา ต้องจัดการในบ้านเราให้เรียบร้อยก่อน และถ้าหากว่าในประเทศเราไม่มีปัญหา แต่ยังมีสถานการณ์มาจากประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลก็จะต้องมีมาตรการลงโทษ (Sanctions) อาทิ ไม่รับซื้อสินค้าเกษตรจากประเทศที่ก่อปัญหา

“เราต้องดำเนินทุกมาตรการอย่างเข้มงวดเพื่อไม่ให้เกิดการเผา เพราะไม้ขีดก้านเดียวเพียงแค่แก้ปัญหาในการสร้างรายได้ แต่มันสร้างปัญหาให้กับคนทั้งประเทศ เราจึงต้องไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้อีก และต้องกำหนดวิธีการที่เป็นทางเลือกให้กับพี่น้องประชาชนเกษตรกร เช่น ที่ อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ได้แก้ปัญหาด้วยการฝังกลบและหาวิธีในการแปรสภาพเศษซังข้าวโพด จำนวนกว่า 700,000 กิโลกรัม (700 ตัน) ด้วยการขอความร่วมมือจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำเครื่องจักรกลไปไถกลบ นำเครื่องแพ็คมาใช้งาน โดยชาวบ้านนำซังข้าวโพดไปอัดแพ็คเป็นสี่เหลี่ยม เพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิง (Bio-Power) ทำอาหารสัตว์ ทำปุ๋ยชีวภาพ ซึ่งเป็นทางเลือกที่จะทำให้เกษตรกรไม่เผา ซึ่งมีความจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง” นายอนุทิน กล่าว

ที่ผ่านมารัฐบาลได้ใช้เงินงบประมาณในการเยียวยาฟื้นฟู ซึ่งในปีที่ผ่านมา รัฐบาลใช้งบประมาณเยียวยาอุทกภัยทั่วทุกภาคไปกว่า 20,000 ล้านบาท ตามหลักเกณฑ์ที่กำหนด ซึ่งต้องประสบภัยก่อน แต่ในกรณีสถานการณ์ภัยหมอกควัน ไฟป่า ฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) มีความแตกต่างกัน เพราะถ้าจะเกิดภัย ต้องเผาก่อน และค่ามลพิษต้องเกิน 150 ไมโครกรัม ซึ่งหากไปถึงจุดนั้นประเทศไทยมืดมิดทั้งประเทศแล้ว และยังส่งผลต่อการดูแลสุขภาพอนามัยที่จะต้องเจ็บป่วยจากโรคระบบทางเดินหายใจและโรคอื่น ๆ ดังนั้นจึงต้องพิจารณาหาแนวทางร่วมกันเพื่อป้องก่อนที่จะเกิดภัย

นายอนุทิน เน้นย้ำให้ผู้ว่าฯ ใช้อำนาจตามกรอบกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติอย่างเต็มศักยภาพ ต้องตีเส้นแบ่งกรอบในแต่ละจังหวัด เพื่อบูรณาการความร่วมมือทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายความมั่นคง ทหาร ตำรวจ ภาครัฐ ภาคการเกษตร อสม. อาสาสมัคร และทุกภาคส่วน โดยในส่วนของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่ต้องเด็ดขาดและควบคู่ไปกับการสร้างความรู้ความเข้าใจกับประชาชน

นายอนุทิน ได้มีข้อสั่งการให้ทุกหน่วยงานร่วมบูรณาการใน 6 มาตรการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ได้แก่

1) มาตรการเฝ้าระวังและแจ้งเตือนสถานการณ์อย่างทันท่วงที

2) มาตรการป้องกันปราบปรามและบังคับใช้กฎหมายเพื่อควบคุมการเผาอย่างเด็ดขาด

3) ลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนให้มีน้อยที่สุด

4) มาตรการบูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานอย่างเข้มข้น

5) มาตรการสนับสนุนงบประมาณ ด้วยการเร่งรัดกระบวนการพิจารณางบกลาง เงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้แก่หน่วยงานที่ขอรับการสนับสนุนให้ทันต่อสถานการณ์ในการแก้ไขปัญหา

6) มาตรการการขับเคลื่อนกองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 68)

Tags: , , ,
Back to Top