ส่อง 10 เทรนด์ธุรกิจน่าจับตาปี 2568 “ท่องเที่ยว-สัตว์เลี้ยง-สายมู-Data Center” มาแรงข้ามปี

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดโผ 10 ธุรกิจที่มาแรงโดดเด่นข้ามปี และคาดว่าจะทำผลกำไรต่อเนื่อง ซึ่งได้วิเคราะห์และจัดทำข้อมูลธุรกิจ โดยประเมินข้อมูลธุรกิจจากหลายภาคส่วน ทั้งสถิติข้อมูลภายในของกรมฯ ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่สถิติจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจ มูลค่าทุนจดทะเบียน แนวโน้มการเติบโต ผลประกอบการของธุรกิจ (รายได้ และ ผลกำไร) ร่วมกับข้อมูลปัจจัยทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจต่างๆ เทรนด์การประกอบธุรกิจ ได้แก่ แนวโน้ม กระแสความนิยม พฤติกรรมของธุรกิจ นโยบายรัฐบาล และดัชนีทางเศรษฐกิจ เป็นต้น เพื่อให้นักธุรกิจชาวไทยและต่างชาติใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจลงทุน นำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์เต็มประสิทธิภาพ กำหนดทิศทาง และเลือกประเภทธุรกิจที่จะลงทุนได้ตรงตามความต้องการ ประกอบด้วย 3 กลุ่มธุรกิจ ใน 10 ประเภท

กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์

เกี่ยวข้องกับรูปแบบพฤติกรรมการใช้ชีวิตของมนุษย์ การสร้างความสุขทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ปัจจุบันโลกต้องเผชิญสภาวะแวดล้อมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ รวมถึงความเครียดต่าง ๆ ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยประเภทธุรกิจในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับไลฟ์สไตล์ที่น่าสนใจ ประกอบด้วย

1) ธุรกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมในครอบครัว ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมและที่พัก ธุรกิจร้านอาหาร/ผับบาร์ ธุรกิจการแสดงโชว์และความบันเทิง รวมทั้ง ธุรกิจกิจกรรมสำหรับครอบครัว เช่น สวนสัตว์ สถานที่พักผ่อนตามธรรมชาติ

– ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 6,667 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 458 ราย (ปี 2566 จัดตั้งใหม่ 6,209 ราย) หรือเพิ่มขึ้น 7.38% มูลค่าทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ 16,253.16 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 2,269.54 ล้านบาท (ปี 2566 ทุนจัดตั้ง 13,983.62 ล้านบาท) หรือเพิ่มขึ้น 16.23% ถือว่าเป็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องภายหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยรายได้รวมของธุรกิจในปี 2566 มีมูลค่าสูงถึง 753,308.31 ล้านบาท

– ปี 2568 รัฐบาลยังคงเดินหน้าส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องผ่านกิจกรรมต่าง ๆ เช่น กิจกรรม Amazing Thailand Grand Tourism Year 2025 และกิจกรรมสนับสนุนและสร้างความนิยมใน Soft Power ของประเทศไทย ส่งผลให้ธุรกิจฯ มีโอกาสเติบโตและทำผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง

2) ธุรกิจ Health & Wellness เช่น ธุรกิจโรงพยาบาล/โรงพยาบาลเฉพาะทาง ธุรกิจทันตกรรม ธุรกิจกายภาพบำบัด และธุรกิจการดูแลสุขภาพอื่น ๆ

– ปี 2566 ธุรกิจ Health & Wellness มีรายได้รวม 357,988.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 5,464.77 ล้านบาท (ปี 2565 รายได้รวม 352,523.51 ล้านบาท) โดยธุรกิจนี้ได้รับการส่งเสริมจากนโยบายผลักดันให้ประเทศไทยเป็น Medical Hub เช่น การเพิ่มศักยภาพด้านอุตสาหกรรมทางการแพทย์ การชักชวนหรือให้สิทธิชาวต่างชาติเข้ามารักษาในประเทศไทย รวมทั้งการผสมผสานเอกลักษณ์วัฒนธรรมไทยลงไป สอดคล้องกับข้อมูลของ Krungthai COMPASS ที่แสดงว่าปี 2566 นักท่องเที่ยวกลุ่ม Medical & Wellness มีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยสูงสุดที่ 99,770 บาทต่อคน เพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่าตัวในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา อีกทั้งโลกเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและผู้คนเริ่มหันมาดูแลใส่ใจสุขภาพเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความต้องการในธุรกิจนี้เพิ่มสูงมากขึ้นด้วยเช่นกัน

– ปี 2567 มีจำนวนนิติบุคคลจัดตั้งใหม่จำนวน 912 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 5,212.27 ล้านบาท

3) ธุรกิจสัตว์เลี้ยง เช่น ธุรกิจดูแลสัตว์เลี้ยง ผลิต/จำหน่ายอาหารสัตว์เลี้ยง และธุรกิจรักษาสัตว์เลี้ยง

– ปี 2567 มีจำนวนธุรกิจสัตว์เลี้ยงที่จัดตั้งขึ้นใหม่ จำนวน 206 ราย มูลค่าทุนจดทะเบียน 400.12 ล้านบาท และรายได้รวมปี 2566 มีมูลค่า 76,066.28 ล้านบาท กำไรสุทธิ 5,310.31 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่ปัจจุบันมีความนิยมในการเลี้ยงสัตว์ที่หลากหลาย และหลายคนเลี้ยงสัตว์แทนลูก เปรียบเสมือนเป็นคนในครอบครัว จึงพร้อมที่จะใช้จ่ายให้กับสัตว์เลี้ยง ทั้งอาหาร ของเล่น และการดูแลสุขภาพ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตตามความต้องการของตลาดและเทรนด์ของการเลี้ยงสัตว์

4) ธุรกิจสายมูฯ (มูเตลู) ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสายมูฯ ยังคงมีการจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

– ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 38 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 5 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 14 ราย (จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 2566 จำนวน 33 ราย และ ปี 2565 จำนวน 24 ราย) มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 27.72 ล้านบาท

ธุรกิจนี้ยังคงได้รับกระแสตอบรับเป็นอย่างดี ท่ามกลางความต้องการที่พึงทางด้านจิตใจ รวมทั้งผู้ประกอบธุรกิจที่ประยุกต์ใช้ความเชื่อ ความศรัทธา ให้เข้ากับวิถีชีวิตของคนทั่วไปได้อย่างลงตัว สินค้าหลายอย่างถูกปรับเปลี่ยนให้เข้าถึงได้ง่าย สอดคล้องกับการใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี เช่น Wallpaper สายมูบนโทรศัพท์มือถือ เครื่องประดับหรือเครื่องรางที่ง่ายต่อการพกพา อีกทั้งภาครัฐยังคงส่งเสริมให้เป็น Soft power ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่มีความเชื่อและความศรัทธาให้พร้อมใช้จ่ายเพื่อความสบายใจและเป็นการเสริมดวงชะตาให้ดียิ่งขึ้น

5) ธุรกิจผลิตภาพยนตร์ เช่น ธุรกิจผลิตภาพยนต์และรายการโทรทัศน์ ธุรกิจตัดต่อภาพและเสียง ธุรกิจกราฟฟิกแอนิเมชันและเทคนิคพิเศษ และธุรกิจสอนการแสดง

– ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 293 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 18 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 37 ราย (จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 2566 จำนวน 275 ราย ปี 2565 จำนวน 256 ราย) มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 719.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 346.36 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 92.86% (ปี 2566 มูลค่าทุนจดทะเบียน 373 ล้านบาท)

ธุรกิจนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากนโยบายรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา ทั้งการส่งเสริมตลาด การพัฒนา การจับคู่ธุรกิจ และนำเสนอกับผู้ซื้อลิขสิทธิ์ทั่วโลก ทำให้ธุรกิจนี้กลับมาเติบโตได้อย่างชัดเจน

6) ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร เช่น ธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายใน ธุรกิจซ่อมแซมอาคาร โดยปัจจุบันผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะปรับปรุงที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น แทนการซื้ออสังหาริมทรัพย์ใหม่ เนื่องจากทำเลที่ตั้งที่อยู่อาศัยเดิมอยู่ในทำเลที่ดี และสอดคล้องกับรูปแบบการใช้ชีวิต รวมถึง การปรับปรุงอาคารต่างๆ เพื่อประกอบธุรกิจได้อย่างหลากหลาย เช่น ที่พัก ร้านอาหาร และคาเฟ่ ส่งผลให้ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น

– ปี 2566 ธุรกิจปรับปรุงและตกแต่งอาคาร มีรายได้รวม 100,897.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 11,585.19 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 12.97% และเพิ่มขึ้นจากปี 2564 จำนวน 26,723.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36.03% (ปี 2565 มีรายได้รวม 89,311.84 ล้านบาท และปี 2564 มีรายได้รวม 74,173.58 ล้านบาท)

– ปี 2567 มีนิติบุคคลจัดตั้งใหม่จำนวน 993 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 1,510.21 ล้านบาท

 

กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมและเทคโนโลยี

เป็นกลุ่มที่เป็นเทรนด์ธุรกิจของโลกที่ก้าวสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ก้าวข้ามขีดจำกัดและสามารถตอบสนองต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์และการดำเนินธุรกิจ ประกอบด้วย

1) ธุรกิจ Data Center และ Software เช่น ธุรกิจจัดทำซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ธุรกิจบริการ Data Center ธุรกิจจัดทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โปรแกรมเว็บเพจ เป็นต้น โดยธุรกิจนี้ มีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

– ปี 2566 ธุรกิจ Data Center และ Software มีรายได้รวมอยู่ที่ 110,500.17 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 5 ปีก่อนจำนวน 50,960.03 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 85.59% (ปี 2562 มีรายได้รวมอยู่ที่ 59,540.13 ล้านบาท)

ธุรกิจดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตตามความต้องการของตลาด การเติบโตของโลกยุคดิจิทัล และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในอุตสาหกรรม การผลิต การบริการ รวมทั้งการใช้ในชีวิตประจำวัน ล้วนมีส่วนส่งเสริมธุรกิจนี้ยังคงเติบโตและเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างต่อเนื่อง

2) ธุรกิจ e-Commerce เช่น ธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต ธุรกิจคลังสินค้าและการจัดเก็บสินค้า ธุรกิจตลาดกลางในการซื้อขายสินค้าหรือบริการ โดยวิธีสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ทั้งนี้ ธุรกิจ e-Commerce มีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป รวมทั้งผู้ประกอบการมีการปรับเปลี่ยนช่องทางการตลาดเข้าสู่ช่องทางการจำหน่ายทั้ง Offline และ Online ควบคู่กัน

– ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 2,219 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 318 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 572 ราย เพิ่มขึ้น 16.73% และ 34.73% ตามลำดับ (จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 2566 จำนวน 1,901 ราย และ ปี 2565 จำนวน 1,647 ราย) มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 3,361.23 ล้านบาท โดยรายได้รวมในปี 2566 มีมูลค่า 279,787.83 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,442.28 ล้านบาท

กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการธุรกิจ

เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์เฉพาะด้านในการบริหารจัดการเรื่องต่างๆ ในการประกอบธุรกิจ การให้คำปรึกษา การจัดหาบุคลากรหรือผู้เชี่ยวชาญทำหน้าที่ช่วยเหลือธุรกิจให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตรงเป้าหมาย โดยธุรกิจที่มีความโดดเด่น ประกอบด้วย

1) ธุรกิจการบริหารจัดการธุรกิจ เช่น ธุรกิจสำนักงานบัญชี ธุรกิจสำนักงานกฎหมาย ธุรกิจการจ้างงานบุคคลภายนอก (outsource) โดยธุรกิจการบริการจัดการธุรกิจ ถือเป็นตัวช่วยสำคัญในการประกอบธุรกิจยุคปัจจุบัน ทั้งการจ้างทำบัญชี ที่ปรึกษากฎหมาย หรือการจ้างงานบุคคลภายนอก แทนการจ้างพนักงานประจำ ด้วยเทคโนโลยีและเครื่องมือต่างๆ ที่เข้ามาช่วยประยุกต์ใช้ให้ผู้ประกอบธุรกิจดำเนินธุรกิจได้ง่ายขึ้น

– ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 4,296 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 181 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 806 ราย หรือ เพิ่มขึ้น 4.40% และ 23.09% ตามลำดับ (ธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 2566 จำนวน 4,415 ราย และ ปี 2565 จำนวน 3,490 ราย) มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 6,521.44 ล้านบาท โดยธุรกิจการบริหารจัดการธุรกิจมีอัตราการเติบโตที่โดดเด่นและต่อเนื่องช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563 – 2567)

2) ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม เช่น ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ธุรกิจการวิจัยและพัฒนาเชิงทดลอง ธุรกิจการให้บริการเกี่ยวกับสิทธิพิเศษอื่น ๆ เช่น คาร์บอนเครดิต โดยในปัจจุบันปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมกำลังส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตของทุกคน ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม เป็นทางรอดของธุรกิจในยุคปัจจุบันที่เข้ามาช่วยลดต้นทุน เพิ่มโอกาสให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจ และทางเลือกให้แก่ผู้บริโภค

– ปี 2567 มีธุรกิจจัดตั้งใหม่จำนวน 338 ราย เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 86 ราย และเพิ่มขึ้นจากปี 2565 จำนวน 159 ราย หรือเพิ่มขึ้น 34.13% และ 88.83% ตามลำดับ (จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ปี 2566 จำนวน 252 ราย และ ปี 2565 จำนวน 179 ราย) มูลค่าทุนจดทะเบียนรวม 1,832.10 ล้านบาท โดยปี 2566 ธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม มีรายได้รวม 41,408.69 ล้านบาท ลดลงจากปี 2566 เล็กน้อย แต่ยังเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2562 – 2566)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ม.ค. 68)

Tags: , ,
Back to Top