นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ นางสาวพรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า เข้าพบ พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเรขา ผู้กำกับการ สถานีตำรวจพญาไท ตามหมายเรียกในความผิดตามมาตรา 116
ทั้งนี้ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรือ พุทธอิสระ มอบหมายให้ทนายความร้องทุกกล่าวโทษบุคคลทั้ง 3 ว่ากระทำความผิดฐานร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชน ด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใดอันมิใช่การกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน
นายปิยบุตร กล่าวว่า ข้อกล่าวหาของตนเองเป็นการนำข้อมูลที่เคยเขียนบทความ การบรรยายทางวิชาการ หรือการโพสต์เสนอแนะทางออกของวิกฤติทางการเมืองด้วยการนำข้อเรียกร้องของกลุ่มราษฎรในเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ไปพูดคุยในพื้นที่ปลอดภัยด้วยการตั้งคณะกรรมาธิการในสภาฯ
ส่วนข้อกล่าวหาของนายธนาธร เรื่องที่ร่วมเป็นผู้ก่อตั้งวารสารฟ้าเดียวกัน และการท้วงติงงบประมาณของสถาบันฯ และกรณีของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช นั้นเป็นเรื่องการไลฟ์สดจากการชุมนุม โดยผู้ร้องนำเรื่องราวต่างๆ มาเชื่อมโยงกัน
“การพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งในแง่วิชาการหรือความปรารถนาดีอาจเข้าข่ายความผิด 116 ในความคิดของคุณสุวิทย์ ถ้าจะพูดถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ต้องพูดแบบคุณสุวิทย์กับพวกเท่านั้น…การเอาเรื่องนี้มาแจ้งความ ไม่เป็นคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ตรงกันข้ามต้องเอาไปสู้กันในโรงในศาล พวกผมก็ต้องต่อสู้ว่าการอภิปรายนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครอง”
นายปิยบุตร กล่าว
นายปิยบุตร กล่าวว่า นับตั้งแต่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำรัฐประหารเมื่อปี 57 มีการนำกฎหมายมาตรา 116 มาใช้เพื่อปิดปากฝ่ายต้องข้าม ซึ่งส่วนใหญ่ศาลจะสั่งยกฟ้อง ซึ่งตนเองได้สอบถามทางผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและทีมพนักงานสอบสวนว่ากรณีดังกล่าวควรใช้ดุลยพินิจมากกว่านี้ เพราะไม่เข้าองค์ประกอบความผิด ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปก็ไม่ต้องมีพนักงานสอบสวน แค่ทำเป็นแบบฟอร์มเอาไว้ต้องการใช้การพิมพ์ออกมา
ส่วนการจัดตั้งคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ นั้น หากไม่มีการนำข้อเรียกร้องของกลุ่มผุ้ชุมนุมไปพิจารณาก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร สุดท้ายก็ได้กระดาษที่เป็นข้อสรุปปึกเดียว สิ่งสำคัญคือกลุ่มผู้ชุมนุมไม่เชื่อมั่น เพราะที่ผ่านมามีการดำเนินการในลักษณะเตะถ่วงปัญหาเรื่อยมา และหาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไปการสร้างความสมานฉันท์คงเกิดยาก
ด้านนายธนาธร กล่าวว่า อยากให้ประชาชนช่วยกันตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐบาลว่าเป็นธรรมกับทุกฝ่ายหรือไม่ เพราะเป็นการกระทำที่สวนทางกับความต้องการให้เกิดความสมานฉันท์ ตราบใดที่ยังไม่หยุดยัดเยียดคดีความให้กับผู้ชุมนุมก็ไม่เห็นหนทางที่จะเป็นทางออกได้ สถานะทางการเมืองในขณะนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าหาก พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป การหาทางออกให้กับประเทศไทยจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้
ขณะที่ น.ส.พรรณิการ์ กล่าวว่า การยัดเยียดคดีความให้กับฝ่ายตรงข้ามหรือฝ่ายที่เห็นต่าง เพราะคิดว่าเป็นกระสุนอาญาสิทธิ์นั้น ขณะนี้มันเป็นกระสุนด้านที่ไม่สามารถหยุดยั้งการประท้วงได้
“การยัดคดีความใส่พรรคอนาคตใหม่ ใส่คณะก้าวหน้า ใส่พรรคก้าวไกล ก็จะเกิดผลเช่นเดียวกัน ไม่ได้ทำให้เราหยุดการทำงาน ต้องขอบคุณที่ยิงกระสุนด้านใส่เราซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เราได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน”
น.ส.พรรณิการ์ กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (5 พ.ย. 63)
Tags: การเมือง, คณะก้าวหน้า, ตำรวจ, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ, บวรภพ สุนทรเรขา, ปิยบุตร แสงกนกกุล, พรรณิการ์ วานิช, พุทธอิสระ, สุวิทย์ ทองประเสริฐ