AOT คาดสนามบินดอนเมืองมีเที่ยวบินช่วงปีใหม่โต 13.32% ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 20% ตั้ง Biometric ลดรอคิว

นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ท่าอากาศยานไทย [AOT] ตรวจเยี่ยมการเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) กล่าวว่า ทดม.พร้อมส่งเสริมนโยบายรัฐบาล เพื่อผลักดันประเทศไทยสู่การเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคและการท่องเที่ยว และผลักดันให้ ทดม.เป็นท่าอากาศยานแบบ POINT-TO-POINT สะดวก รวดเร็ว ครบครัน เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสาร ซึ่งจากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมการบินของรัฐบาลส่งผลให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวมีความต้องการเดินทางเป็นจำนวนมาก

โดยประมาณการจำนวนเที่ยวบินในภาพรวมที่เดินทางผ่าน ทดม.ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 (รวม 7 วัน) รวมทั้งสิ้นประมาณ 4,671 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 668 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.32 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและฟื้นตัวร้อยละ 88.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ(ขาเข้า – ขาออก) จำนวน 1,980 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ (ขาเข้า – ขาออก) จำนวน 2,691 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลปีใหม่ของปี 2567

และประมาณการจำนวนผู้โดยสารในช่วงเวลาดังกล่าว รวมทั้งสิ้นประมาณ 717,002 คนหรือเฉลี่ยวันละ 102,429 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.96 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และฟื้นตัวร้อยละ 85.84 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ (ขาเข้า – ขาออก) จำนวน 313,447 คน และผู้โดยสารภายในประเทศ (ขาเข้า – ขาออก) จำนวน 403,555 คน

โดย ทดม.ได้จัดตั้งศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกรองรับการเดินทางของประชาชนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 (Passenger Facilitation Center) ระหว่างวันที่ 27 ธันวาคม 2567 – 2 มกราคม 2568 ตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งจัดสรรตารางเวลาการบินและปริมาณการจราจรทางอากาศที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการนำระบบ Airport Collaborative Decision Making (A-CDM) มาใช้เพื่อบูรณาการการทำงานทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ปฏิบัติงานในท่าอากาศยาน หน่วยงานราชการ สายการบิน และผู้ประกอบการ เพื่อยกระดับการจัดการท่าอากาศยานและการบริหารงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ ทดม.ขอมอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชน ด้วยบริการที่จอดรถยนต์ฟรี ระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2567 – 1 มกราคม 2568 บริเวณลานจอดรถระหว่างอาคารคลังสินค้า 2 และอาคารจอดรถยนต์ 5 ชั้น สามารถรองรับรถยนต์ได้จำนวน 250 คัน และได้จัดเตรียมบริการรถรับ – ส่งผู้ใช้บริการ ฟรี โดยวิ่งให้บริการทุก 15 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อไปส่งผู้ใช้บริการบริเวณ ประตู 6 อาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ นอกจากนี้ ทดม.ได้จัดเตรียมรถ Shuttle Bus ให้บริการรับ – ส่งประชาชนภายใน ทดม. ฟรี ระหว่างเวลา 06.00 – 22.00 น. ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมาและวิ่งให้บริการทุก 15 – 20 นาที โดยมีจุดจอดให้บริการจำนวน 15 จุด ซึ่งเริ่มวิ่งจากอาคารจอดรถ 8 ชั้น (อาคารจอดรถ 118) ผ่านอาคารจอดรถ LONGTERM PARKING อาคารสำนักงาน ทดม. อาคารผู้โดยสาร อาคารจอดรถ 5 ชั้น อาคารจอดรถ 3 ชั้น จนถึงจุดเชื่อมรถไฟฟ้า และกลับเข้าสู่อาคารจอดรถ 8 ชั้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร และผู้ใช้บริการด้วยความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ทดม.เห็นถึงความสำคัญต่อการพัฒนาคุณภาพการให้บริการแก่ผู้โดยสาร ด้วยการจัดพื้นที่พักคอย DMK Pax Experience Zone ให้แก่ผู้โดยสารก่อนขึ้นเครื่อง และห้อง Baby Care Room พื้นที่สำหรับแม่และเด็กในการเตรียมน้ำนมและเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกน้อยในสถานที่สะอาดและปลอดภัย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้โดยสารและเพิ่มความสะดวกสบายก่อนขึ้นเครื่อง (Comfort of waiting gate area) เสริมสร้างบรรยากาศความสุข ความผ่อนคลาย และสร้างความประทับใจให้แก่ผู้โดยสาร (Enhance the Airport Experience) ก่อนออกเดินทาง

ทดม.พร้อมเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวอย่างเต็มที่ ด้วยความสะดวก รวดเร็วและปลอดภัย รวมถึงการบูรณาการการทำงานทุกภาคส่วนของผู้ปฏิบัติงานภายในท่าอากาศยาน ดังนี้

– จัดเตรียมระบบอำนวยความสะดวกด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ด้วยระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) เป็นการนำเทคโนโลยีการจดจำใบหน้า Facial Recognition มาใช้ในการระบุตัวตนของผู้โดยสาร เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว รวมทั้งช่วยลดระยะเวลา ในการรอคิวของแต่ละจุดในการให้บริการภายในท่าอากาศยาน ณ บริเวณเคาน์เตอร์ออกบัตรโดยสาร อาคารผู้โดยสาร ทดม.

– จัดเตรียมเจ้าหน้าที่ให้เพียงพอต่อการให้บริการภายใน ทดม. ได้แก่ เพิ่มความถี่ในการกำกับดูแลความเรียบร้อยของอาคารสถานที่ เพิ่มความถี่ในการทำความสะอาดห้องน้ำ เพิ่มความถี่ในการจัดรถเข็นกระเป๋า จัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลและบันทึกภาพผ่านกล้อง CCTV ตลอด 24 ชั่วโมง จัดเตรียมชุดตรวจผสม ร่วมตรวจและดูแลความเรียบร้อยของอาคารสถานที่ เพิ่มความถี่ในการตระเวนตรวจพื้นที่และรักษาความปลอดภัย เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่จราจรอำนวยความสะดวกการจราจรเข้าและออกในเขตท่าอากาศยาน เพิ่มกำลังพลเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ เปิดใช้งานเคาน์เตอร์ออกบัตรโดยสาร และจัดสรรสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระ รวมถึงจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกให้เพียงพอต่อการให้บริการ อาทิ รถเข็นกระเป๋า จุดชาร์จแบตเตอรี่มือถือ และเก้าอี้พักคอยรวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ

– จัดเตรียมบริการขนส่งสาธารณะและเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้โดยสารตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ จัดเตรียมบริการรถแท็กซี่สาธารณะให้เพียงพอ เพิ่มความถี่ในการให้บริการรถโดยสารสาธารณะ ขสมก. สาย A1, A2, A3 และ A4รวมถึงการตรวจสอบความพร้อมรถโดยสารสาธารณะตามรายการ Checklist ตรวจสภาพรถรับจ้างสาธารณะและการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่รถรับจ้าง และให้บริการพื้นที่จอดรถยนต์อย่างเต็มศักยภาพ รองรับรถยนต์ได้ทั้งหมด 2,622 คัน รวมถึงการประชาสัมพันธ์วิธีเดินทาง เข้า – ออก สนามบินดอนเมือง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้แก่ผู้โดยสารในการเดินทางเชื่อมต่อเข้าสู่ตัวเมืองด้วยความสะดวกและปลอดภัย

ทั้งนี้ เพื่อการอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารในช่วงที่มีการเดินทางจำนวนมาก ทดม.ขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมาสนามบิน เที่ยวบินระหว่างประเทศอย่างน้อย 3 ชั่วโมง และเที่ยวบินภายในประเทศอย่างน้อย 2 ชั่วโมง ขอให้ผู้โดยตรวจสอบเส้นทางและตารางเวลาเที่ยวบินอีกครั้ง เพื่อป้องกันการพลาดในการเดินทาง หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทดม. หมายเลขโทรศัพท์ 0 2535 1192 หรือ AOT Contact Center หมายเลขโทรศัพท์ 1722 ตลอด 24 ชั่วโมง

“ทดม.มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพบริการที่เหนือความคาดหมายควบคู่ไปกับการพัฒนาให้เป็นท่าอากาศยานที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วนตามมาตรฐาน เพื่อตอบสนองต่อความคาดหวังและความต้องการของผู้โดยสาร พร้อมเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจในประเทศและระหว่างประเทศให้พร้อมรองรับการเดินทางในอนาคต และสนับสนุนให้ ทอท. เป็นผู้ดำเนินการและจัดการท่าอากาศยานที่ดีระดับโลก ซึ่งท่าอากาศยานถือเป็นประตูต้อนรับนักเดินทางและเป็นฟันเฟืองหลักในการกระตุ้นอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบิน ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศต่อไป”นายกีรติ กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top