นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งผันผวน ในกรอบไซด์เวย์ดาวน์ sentiment จากตลาดต่างประเทศยังไม่ค่อยดี โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (บอนด์ยีลด์) ยังขยับขึ้น รวมถึงค่าเงินดอลลาร์ที่ยังแข็งค่าอยู่
ทั้งนี้หากมีจังหวะที่ดัชนีปรับตัวลงมา อาจเกิดการรีบาวด์ได้ เนื่องจากทางเทคนิคเกิด Oversold ค่อนข้างมาก อาจมีแรงซื้อกลับเข้ามา อย่างไรก็ตามมองว่าดัชนีในวันนี้ผันผวนมากกว่า
ขณะที่เมื่อวานนี้รัฐมนตรีคลังเตรียมเสนอมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มองว่าเป็น sentiment บวก ในหุ้นบางกลุ่ม ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มค้าปลีก แต่อาจไม่ได้หนุนตัวยอดขายมากนัก แต่ยังดีกว่าไม่มีมาตรการเลย เนื่องจากภาพรวมตลาดปัจจุบันเป็น sentiment ลบ
พร้อมทั้งให้กรอบแนวรับ 1,365-1,370 จุด และแนวต้าน 1,390-1,395 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (18 ธ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 42,342.24 จุด เพิ่มขึ้น 15.37 จุด หรือ +0.04%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,867.08 จุด ลดลง 5.08 จุด หรือ -0.09% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 19,372.77 จุด ลดลง 19.92 จุด หรือ -0.10%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 19,697.06 จุด ลดลง 55.45 จุด หรือ -0.28% ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,364.48 จุด ลดลง 5.55 จุด หรือ -0.16% และดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดที่ระดับ 38,950.28 จุด เพิ่มขึ้น 136.70 จุด หรือ +0.35%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (18 ธ.ค.) ที่ 1,377.53 จุด ลดลง 21.42 จุด (-1.53%) มูลค่าการซื้อขายราว 49,320.16 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ (18 ธ.ค.) 104.58 ล้านบาท
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนม.ค. (18 ธ.ค.) ลดลง 67 เซนต์ หรือ 0.95% ปิดที่ 69.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (18 ธ.ค.) อยู่ที่ 5.88 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 34.60 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าต่อเนื่อง จับตาทิศทาง Flow คาดกรอบวันนี้ 34.45 – 34.70 บาท/ดอลลาร์
– “ธุรกิจโบรกเกอร์” ปี 68 ยัง “น่าห่วง” หวั่นสภาพตลาดหุ้นไทย ยังขาลง – เศรษฐกิจไทยยังไม่เห็นแววฟื้น หวั่นฉุด “กำไร” เริ่มอ่อนแอ “บล.ทิสโก้” ชี้ทุกโบรกเกอร์ลุยปรับกลยุทธ์ตั้งแต่ปีนี้ มุ่งพัฒนาธุรกิจอย่างมีคุณภาพ-ผนึกธุรกิจเวลท์ ชูบริการแนะลูกค้าลงทุนต่างประเทศ ประคองตัวให้รอด พร้อมจับตา “โบรกไม่มีแบงก์แม่” อาจเห็นเทรนด์ควบรวมต่อเนื่อง
– คลังเตรียมเสนอมาตรการ Easy e-Receipt ให้ ครม.อนุมัติสัปดาห์หน้า เผยลดหย่อนภาษีค่าซื้อสินค้าบริการได้สูงสุด 50,000 บาท เริ่มใช้ ม.ค.68
– “กิตติรัตน์” ชี้ทุนสำรองปัจจุบันสูงเกินพอดี อาจทำให้เกิดปัญหาได้ ย้ำจุดยืน ควรลดดอกเบี้ย นโยบายให้เร็ว-มาก เพื่อป้องกันหายนะ เปิดภารกิจประธานบอร์ด ธปท.หวังเป็นตัวเชื่อมภาคการคลัง ยืนยันแทรกแซงนโยบายการเงินไม่ได้ “พิชัย” ชี้ทุนสำรองไทยมีสภาพคล่องสูง ปัดแตะทุนสำรอง รัฐบาลดัน “จีดีพี” ปี 68 โต 3.0-3.5% เตรียมเสนอ ครม.พิจารณากรอบเงินเฟ้อ ชี้รัฐบาลอยากเห็น 2%
หุ้นเด่นวันนี้
– NEO (ฟินันเซียไซรัส) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 49.50 บาท ราคาน้ำมันปาล์มดิบโลกล่าสุดปรับลงต่ำสุดในรอบ 2 เดือน มาอยู่ที่ MYR4,889/ตัน -6% W-W, -8.5% จากที่ทำไฮรอบนี้ที่ MYR5,345/ตัน ทั้งนี้ราคาส่งมอบเดือน มี.ค.68 ปรับลงต่ำกว่าอยู่ที่ MYR4,492/ตัน ถือเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับแนวโน้มต้นทุนของ NEO และยังสอดคล้องกับสมมติฐานราคาน้ำมันปาล์มดิบของเราที่ MYR4,639/ตัน, ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงทำให้เทรด PER ต่ำเพียง 9 เท่า และให้ Dividend Yield กว่า 5% ต่ำปี ขณะที่ทางเทคนิค Oversold ทำให้มีลุ้นฟื้นตัวระยะสั้น นอกจากนี้ยังมี Catalyst จากการถูกเข้าค่านวณในดัชนี FTSE Global Micro Cap ซึ่งจะ Rebalance มีผลราคาปิดวันนี้
– SNNP (คิงส์ฟอร์ด) ซื้อเก็งกำไร ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 15.50 บาท แนวโน้มกำไร 4Q67 จะกลับมาฟื้นตัว QoQ, YoY จากช่วง high season โดยคำสั่งซื้อในเวียดนามที่เป็นปัญหาคาดสามารถเห็นการฟื้นตัว QoQ จากการปรับโครงสร้าง distibutor ส่วนการขยายตลาดในฟิลิปปินส์จะทำได้ดีขึ้นในปีหน้าหลังตั้ง distribbutor ใหม่ 2 ราย ด้าน GPM คาดว่ายังทำได้ดีในระดับเกิน 30% ทั้งนี้ในปี 68 ปัจจัยหนุนนจะมาจากคาดการณ์รายได้ในเวียดนามจะกลับมาเติบโต และเพิ่มการขยายตลาดฟิลิปปินส์เข้ามาชุดเชย เบื้องต้น consensus คาดกำไรสุทธิปี 67 ที่ 660 ล้านบาท (+4%YoY) และปี 68 ที่ 731 ล้านบาท (+10%YoY) ราคาหุ้นปัจจุบันมี valuation ที่ไม่แพงคิดเป็น forward PER’67/68 ที่ 17.3 เท่า และ 15.6 เท่า ตามลำดับ ขณะที่ราคาหุ้นมี downside จำกัดจากการประกาศซื้อหุ้นคืน
– PR9 (กสิกรไทย) แนะนำซื้อ ราคาพื้นฐาน 28.50 บาท เรามีมุมมองเชิงบวกต่อ PR9 จากความสำเร็จในการทำการตลาดผ่านความร่วมมือกับสถานทูตต่างๆ ส่งผลให้รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยคาดว่าในปี 68 จะมีโอกาสขยายฐานผู้ป่วยเพิ่มเติมนอกเหนือจากกลุ่มตะวันออกกลาง ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV และจีน อีกทั้งมีโอกาสได้รับผู้ป่วยคูเวตในระบบ GOP เพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม นอกจากนี้ PR9 มีโอกาสพัฒนาอัตรากำไรขั้นต้นได้อย่างต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยต่างชาติ เนื่องจากผู้ป่วยกลุ่มนี้ส่วนใหญ่เน้นการรักษาโรคที่มีความซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายต่อบิลสูงกว่าผู้ป่วยไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยมูลค่าหุ้นยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับศักยภาพการเติบโตในอนาคต
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ธ.ค. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย