CONSENSUS: BCP ลุ้นพลิกกำไรใน Q4/67 ไม่มีขาดทุนสต็อกน้ำมัน-ค่าการกลั่นสูง, ปี 68 โตเด่นโรงกลั่นฟื้น

บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น (BCP) ไตรมาส 4/67 พลิกกลับมามีกำไร จากขาดทุนสต็อกน้ำมันหายไป, ค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น, OKEA ได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูหนาว และปริมาณขายน้ำมันเร่งตัวช่วงเดินทางท่องเที่ยว ขณะที่ปี 68 เติบโตเด่น จากปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นลดลง หนุนปริมาณการขายและอัตรากำไรธุรกิจโรงกลั่น, ธุรกิจไฟฟ้าขยายกำลังการผลิต รวมถึงการเพิ่มปริมาณการผลิตของ OKEA และการเริ่มผลิต SAF ในไตรมาส 2/68

แต่จังหวะเข้า รอประกาศหุ้นเข้า-ออก SET50 ในช่วงกลางเดือนธ.ค.นี้ อาจหลุด SET50

ราคาหุ้น BCP บ่ายดีดขึ้นมาที่ 30.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท (+2.56%) เมื่อเวลา 14.43 น.

นายปรินทร์ นิกรกิตติโกศล ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า แนวโน้มไตรมาส 4/67 คาดกำไรฟื้นตัว หนุนจาก 1. ไม่เกิดการขาดทุนสต็อกน้ำมันจำนวนมาก เพราะราคาน้ำมันมี Downside จำกัด และจะรับรู้กลับรายการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ (NRV) 650 ล้านบาท 2. Crack Spread น้ำมันดีเซลได้ประโยชน์จากอุปสงค์ Heating oil 3.สัดส่วนผลิตภัณฑ์การกลั่น(Yield) อัตราผลิตค่าใช้จ่ายของโรงกลั่นศรีราชากลับมาเป็นปกติ 4. OKEA บริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมในนอร์เวย์ ได้ประโยชน์จากการเข้าสู่ฤดูหนาว 5. ปริมาณขายน้ำมันเร่งตัวช่วงเดินทางท่องเที่ยว

ปี 68 เติบโตเด่นกว่าคู่แข่งเพราะมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว จากผ่านการปิดซ่อมใหญ่โรงกลั่นในปีนี้มาแล้ว, Synergy ระหว่าง BSRC เพิ่มขึ้นเป็น 5.5 พันล้านบาท และการเปิดดำเนินงานของโครงการ SAF ในไตรมาส 2/68

ทั้งนี้ประมาณการยังไม่รวม Upside จากการลงทุน Inorganic ในธุรกิจไฟฟ้าและทรัพยากรธรรมชาติ

คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเหมาะสม 45.00 บาท ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมาถือว่าสะท้อนผลประกอบการไตรมาส 3/67 ที่อ่อนแอไปแล้ว คาดหุ้นจะกลับมาฟื้นตัวตามทิศทางงบไตรมาส 4/67 และค่าการกลั่นสิงคโปร์ล่าสุดอยู่ราว 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เทียบกับไตรมาส 3/67 อยู่ที่เพียง 3.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

กลยุทธ์ลงทุนให้รอหลังประกาศหุ้นเข้า-ออก SET50 ในช่วงกลางเดือนธ.ค.นี้ ไปก่อน เนื่องจาก BCP มีโอกาสหลุดจาก SET50 ในรอบนี้มากถึง 95% แต่ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่ยังแข็งแกร่ง ก็คาดว่าจะฟื้นตัวกลับได้

บล.กรุงศรี ระบุว่า ผู้บริหาร BCP มองธุรกิจโรงกลั่นและการตลาดสามารถลดค่าใช้จ่ายได้อีกในอนาคต จากโครงการร่วมกันสั่งซื้อน้ำมันดิบ โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการสร้างทุ่นรับน้ำมันดิบ (progress 18%) คาดเปิดใช้ครึ่งปีหลังของปี 68 ที่จะทำให้รับการขนน้ำมันดิบจากเรือขนาดใหญ่/VLCC ได้ คาดประหยัดค่า freight ราว 0.2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 2. ขยายท่อขนส่งน้ำมันช่วง สระบุรี-ขอนแก่น คาดลดต้นทุนขนส่งบริเวณดังกล่าวได้ราว 0.2 บาท/ลิตร

ทั้งนี้ผู้บริหารมองแนวโน้มไตรมาส 4/67 โรงกลั่นจะมี crude run เพิ่ม 4% q-q เป็นราว 270KBD จากการปิดซ่อมที่ลดลง และค่าการกลั่นฟื้นตัว ตาม middle distillate(Jet+Gasoil) ที่ความต้องการใช้ฟื้นตัว ส่วนธุรกิจการตลาดคาดปริมาณขาย +6% q-q ได้ปัจจัยบวกการท่องเที่ยวฟื้น และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้

ธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ (Natural Resource/ OKEA) คาดมีแหล่งใหม่ที่เริ่มผลิตเข้ามาหนุนในช่วงไตรมาส 4/67-ไตรมาส 1/68 ชดเชยแหล่ง Yme (3KBOED) ที่ขายออกไปได้ มองปริมาณขายไตรมาส 4/67-ปี 68 ราว 30-38KBOED จาก 40KBOED ในครึ่งปีแรกของปี 67 (มีรับรู้ปริมาณขายที่เลื่อนมาจากไตรมาส 4/66 และการผลิตเกินสัญญาฯ) ทั้งนี้มองราคาก๊าซฯ มีแนวโน้มฟื้นตัว q-q ในไตรมาส 4/67 ตามความต้องการใช้ของยุโรปในช่วงฤดูหนาว

คงแผน COD โรงผลิต Sustainable Aviation Fuel(SAF) ในไตรมาส 2/68 ปัจจุบัน progress ก่อสร้างราว 77% มองมี feedstock เพียงพอรองรับการผลิตเพื่อส่งให้ลูกค้าที่อยู่ระหว่างเจรจา

ปรับเป้า Synergy ปี 67-68 เป็น 5,000–5,500 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกของปี 67 ทำได้แล้ว 4,400 ล้านบาท (ราว 2,200 ล้านบาท มาจากฝั่งโรงกลั่นที่ u-rate เพิ่มขึ้น และ crude co-loading เป็นต้น, 1,300 ล้านบาท มาจากการปรับโครงสร้าง back-office เพิ่ม economies of scale, 400 ล้านบาท จากการปรับการขนส่ง และ 500 ล้านบาท มาจากฝั่งธุรกิจการตลาดที่ขยายตลาดได้

เรามีมุมมองบวก จากธุรกิจโรงกลั่นไตรมาส 4/67 มีแนวโน้มฟื้นตัวทั้งปริมาณขายและอัตรากำไรจากการปิดซ่อมที่ลดลง หนุน crude run (เราคาด 276KBD) และค่าการกลั่นฟื้นตัวจาก demand ฤดูหนาวและการท่องเที่ยวฟื้นส่วนธุรกิจการตลาดปริมาณขายฟื้นตัวหลังผ่าน low season และผลกระทบน้ำท่วมลดลง(เราคาดปริมาณขายรวม +3% q-q)และแผนการเพิ่ม synergy ยังดำเนินตามแผน ทั้ง crude co-loading และการเพิ่ม u-rate ของโรงกลั่นเครือฯ

คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายปี 68 ที่ 46.5 บาท คงมุมมอง BCP น่าสนใจจากธุรกิจโรงกลั่นอยู่ในขาฟื้นตัว จากการปิดซ่อมที่ลดลง และ economies of scale ที่ดีขึ้น, ธุรกิจการตลาด ขยายสาขาต่อเนื่อง และประหยัดต้นทุนขนส่ง, ธุรกิจไฟฟ้าขยายกำลังการผลิต +33% และดอกเบี้ยจ่ายลดลงหลังชำระคืนหุ้นกู้หนุนกำไรปกติฟื้นตัวสูงใน 68

บล.แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ระบุว่า คาดแนวโน้มไตรมาส 4/67 BCP จะกลับมาทำกำไรอีกครั้งจาก 1.ขาดทุนสต๊อกน้ำมันก้อนใหญ่หายไป 2. BSRC กลับมากลั่นเพิ่มขึ้นเป็น 150 KBD (+9%QoQ, +26%YoY) และค่าการกลั่นเพิ่มขึ้น 3. กำไรของธุรกิจค้าปลีกน้ำมันเพิ่มขึ้นตามปริมาณขายเพิ่มขึ้นตามฤดูกาลและ Net Mkt. Margin เพิ่มขึ้นเป็น 0.9 บาท/ลิตร จากขาดทุนสต๊อกน้ำมันหายไป 4. กำไรจาก OKEA เพิ่มขึ้นตามราคาก๊าซเพิ่มขึ้นในฤดูหนาว 5. กำไร FX ตามเงินบาทอ่อนค่า และ 6. บันทึกกำไรพิเศษจากการขายสัดส่วนลงทุน 15% ในแหล่ง Yme ของ OKEAกำไรปีหน้า จะถูกหนุนด้วย OKEA และ ธุรกิจ SAF

ปรับลดประมาณการกำไรปีนี้ลงเป็น 5.7 พันล้านบาท เพื่อสะท้อนขาดทุนจากสต๊อกน้ำมัน และ Mkt.GRM ลดลง โดยเราคาดว่ากำไรปีหน้าเติบโตเด่นจากขาดทุนสต๊อกน้ำมันหายไปกำลังการกลั่นเพิ่มขึ้น และผลบวกจาก Synergy กำไรของธุรกิจ OKEA เพิ่มขึ้น ตามปริมาณการผลิตจาก 36-40 พันบาร์เรล/วัน เป็น 50 และการเริ่มรับรู้กำไรจากโรงงานผลิต Sustainable Aviation Fuel (SAF) ขนาด 1 ล้านลิตร/วัน (7 พันบาร์เรล/วัน)คาด COD ไตรมาส 2/68

คงคำแนะนำ ซื้อ จากคาดกำไรฟื้นตัวในไตรมาส 4/67 และกำไรระยะยาวถูกหนุนด้วยธุรกิจ OKEA และ SAF ซึ่งจะลดทอนความผันผวนของค่าการกลั่น อย่างไรก็ตามมองว่าในช่วงสั้นจะมีแรงกดดันต่อหุ้นจากโอกาสหลุด SET50 ในรอบหน้า (ม.ค.-มิ.ย. 68) ทั้งนี้ เราปรับลดราคาเป้าหมายใหม่เป็น 44 บาท ตามประมาณการกำไรที่ปรับลง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 ธ.ค. 67)

Tags: , , , , ,
Back to Top