“ทรัมป์” เล็งเลิกใช้ Daylight Saving Time ชี้ไม่สะดวก-เสียค่าใช้จ่ายสูง

โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (13 ธ.ค.) ว่า พรรครีพับลิกันจะใช้ความพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยกเลิกการปรับเวลาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงในฤดูร้อน (Daylight Saving Time) ซึ่งเขามองว่าเป็นเรื่องที่ไม่สะดวก และมีค่าใช้จ่ายสูงมากสำหรับสหรัฐฯ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ทรัมป์ได้ระบุในโซเชียลมีเดียว่า “พรรครีพับลิกันจะทำทุกวิถีทางเพื่อยกเลิกการเปลี่ยนเวลาในฤดูร้อน ซึ่งมีกลุ่มผู้สนับสนุนเล็กๆ ทว่าแข็งแกร่ง แต่มันไม่ควรเป็นเช่นนั้น!”

ทรัมป์ยังระบุด้วยว่า “การเปลี่ยนเวลาในฤดูร้อนนั้นไม่สะดวก และมีค่าใช้จ่ายสูงมากสำหรับประเทศของเรา”

การเปลี่ยนเวลาในฤดูร้อนเป็นการปรับนาฬิกาให้เร็วขึ้น 1 ชั่วโมงในช่วงฤดูร้อนครึ่งปีเพื่อใช้ประโยชน์จากเวลาช่วงบ่ายที่ยาวนานขึ้น โดยการปรับเวลาดังกล่าวได้ถูกนำมาใช้เกือบทุกรัฐในสหรัฐฯ ตั้งแต่ทศวรรษ 1960 แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เรื่องดังกล่าวได้กลายเป็นหัวข้อที่มีการถกเถียงกัน

สมาชิกสภานิติบัญญัติบางคนต้องการให้ใช้เวลามาตรฐานตลอดทั้งปี ขณะที่มีหลายคนที่เรียกร้องให้ใช้เวลาฤดูร้อนตลอดปี และบางคนก็อยากให้รักษาสถานะเดิมไว้ ส่วนประธานาธิบดีโจ ไบเดนยังไม่เคยแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้

ในเดือนมี.ค. 2565 วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติเป็นเอกฉันท์ที่จะเปลี่ยนไปใช้เวลาฤดูร้อนเป็นการถาวร แต่ความพยายามดังกล่าวสะดุดลงในสภาผู้แทนราษฎรหลังจากที่สมาชิกสภาระบุว่าพวกเขาไม่สามารถหาข้อสรุปได้

ผู้ที่สนับสนุนการใช้เวลาฤดูร้อนตลอดทั้งปีแย้งว่ามันจะทำให้ช่วงบ่ายและเย็นสว่างขึ้น และกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจได้ในช่วงฤดูหนาว ขณะที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกล่าวว่า จะทำให้เด็ก ๆ ต้องเดินไปโรงเรียนในความมืด เพราะการเปลี่ยนแปลงนี้จะทำให้พระอาทิตย์ขึ้นช้ากว่าปกติ 1 ชั่วโมง

ส่วนผู้ที่สนับสนุนให้ยกเลิกการเปลี่ยนเวลาในฤดูร้อนทั้งหมดเลยนั้นระบุว่า การเปลี่ยนเวลา 2 ครั้งต่อปีนั้นทำให้เกิดปัญหาด้านการนอนหลับและปัญหาสุขภาพ

ทั้งนี้ สภาคองเกรสไม่ได้จัดการประชุมเกี่ยวกับประเด็นนี้มานานกว่า 2 ปีแล้ว และวุฒิสภาจะต้องนำประเด็นนี้มาพิจารณาอีกครั้ง

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ธ.ค. 67)

Tags: ,
Back to Top