นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย (TCC INDEX) เดือนพ.ย. 67 ซึ่งเป็นการสำรวจจากความคิดเห็นของภาคธุรกิจ และหอการค้าทั่วประเทศ จำนวน 369 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 25-29 พ.ย. 67 โดยดัชนีฯ อยู่ที่ระดับ 48.8 ลดลงเล็กน้อยจากระดับ 48.9 ในเดือนต.ค. 67 โดยเป็นการลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 (ตั้งแต่เดือนพ.ค. 67) และอยู่ในระดับต่ำกว่า 50 (ระดับปกติ) ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 แสดงให้เห็นว่า ผู้ประกอบการยังคงกังวลภาวะเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมาก
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย ในแต่ละภูมิภาค เป็นดังนี้
- กรุงเทพฯ และปริมณฑล อยู่ที่ 48.9 เพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค. ซึ่งอยู่ที่ 48.8
- ภาคกลาง อยู่ที่ 49.0 เพิ่มขึ้นจากเดือนต.ค. ซึ่งอยู่ที่ 48.9
- ภาคตะวันออก อยู่ที่ 51.5 ลดลงจากเดือนต.ค. ซึ่งอยู่ที่ 51.8
- ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อยู่ที่ 47.6 ลดลงจากเดือนต.ค. ซึ่งอยู่ที่ 47.7
- ภาคเหนือ อยู่ที่ 48.3 ลดลงจากเดือนต.ค. ซึ่งอยู่ที่ 48.7
- ภาคใต้ อยู่ที่ 47.6 ลดลงจากเดือนต.ค. ซึ่งอยู่ที่ 48.0
“ภาคตะวันออกเป็นภาคเดียวที่ดัชนีเกิน 50 จากปัจจัยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เข้ามาต่อเนื่อง และภาคอุตสาหกรรมปรับตัวดีขึ้น จากสถานการณ์การส่งออกที่ยังคงขยายตัวได้” นายวชิร กล่าว
ปัจจัยลบ ได้แก่
- ผู้ประกอบการบางรายยังคงมีความกังวลกับเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่แน่นอน และราคาของวัตถุดิบบางอย่างที่ยังคงอยู่ในระดับสูง
- ความกังวลต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ของโลกที่ยังคงยืดเยื้อ ทั้งสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน การสู้รบระหว่างอิสราเอลกับขบวนการฮามาส ตลอดจนสถานการณ์ความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่รุนแรงขึ้น
- การฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกที่ช้าหรือชะลอตัวลง และอาจส่งผลกระทบในเชิงลบต่อการส่งออก และเศรษฐกิจไทยในอนาคต
- ความเสียหายของภาคธุรกิจและประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติน้ำท่วมหนักในบางพื้นที่ ทำให้ต้องหยุดดำเนินกิจการและขาดรายได้ อีกทั้งยังต้องซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนที่เกิดความเสียหาย
- ความกังวลจากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ยังมีความไม่แน่นอน
- ความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัด โดยเฉพาะในภาคใต้ ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร
- ราคาน้ำมันขายปลีกแก๊สโซฮอล ออกเทน 91 (E10) และแก๊สโซฮอล ออกเทน 95 ในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 1.10 บาทต่อลิตร จากเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกในประเทศ ยังคงทรงตัวจากเดือนที่ผ่านมา
- SET Index เดือน พ.ย. 67 ปรับตัวลดลง 38.5 จุด
- ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับ 33.372 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน ต.ค. 67 เป็น 34.448 บาท/ดอลลาร์ ณ สิ้นเดือน พ.ย. 67 ทำให้มีความกังวลว่าจะส่งกระทบในเชิงลบต่อความสามารถในการแข่งขันของสินค้าไทยในตลาดโลก
ปัจจัยบวก ได้แก่
- สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ไตรมาส 3/67 ว่า เศรษฐกิจขยายตัว 3% เร่งขึ้นจากการขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 2/67 ส่วนช่วง 9 เดือนของปี 67 ขยายตัว 2.3% โดยทั้งปี 67 คาดจะขยายตัว 2.6%
- รัฐบาลดำเนินโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ให้แก่กลุ่มเป้าหมายรวม 14.55 ล้านคน โดยเริ่มทำการโอนเงิน 10,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย. 67 เป็นต้นไป
- จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการยกเว้นการยื่นวีซ่านักท่องเที่ยว รวมการขยายระยะเวลาการพำนักของนักท่องเที่ยว ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้น และกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่าง ๆ ปรับตัวดีขึ้น
- การส่งออกของไทยเดือน ต.ค. 67 ขยายตัว 14.6% มูลค่าอยู่ที่ 27,222.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และการนำเข้าเพิ่มขึ้น 7.1% มีมูลค่าอยู่ที่ 28,016.40 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ส่งผลให้ขาดดุลการค้า 794.35 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
- ราคาพืชผลทางการเกษตรหลายรายการปรับตัวดีขึ้นหรือทรงตัว ส่งผลให้เกษตรกรเริ่มมีรายได้สูงขึ้น และมีกำลังซื้อในต่างจังหวัดเริ่มปรับตัวดีขึ้น
- คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบขยายเวลาคงอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไว้ที่ 7% ต่ออีก 1 ปี โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 67-30 ก.ย. 68 เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ
- มาตรการภาษีเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง 55 จังหวัด โดยให้มีผลตั้งแต่เดือน พ.ค.-พ.ย. 67
ทั้งนี้ ภาคเอกชนยังได้เสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาต่อภาครัฐ ดังนี้
- ดูแลบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน เพื่อรองรับกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป
- มาตรการดูแลราคาสินค้าที่เป็นต้นทุนของภาคธุรกิจให้มีความเสถียรภาพ
- การดูแลรักษาอัตราแลกเปลี่ยนให้มีความเหมาะสมต่อการส่งออก รวมทั้งไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยนผันผวน
- มาตรการส่งเสริมความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ เพื่อกระตุ้นสภาพเศรษฐกิจภายในประเทศ
- การดูแลเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ ทั้งที่คลี่คลายไปแล้ว และบางพื้นที่กำลังเผชิญอยู่
- รักษาเสถียรภาพทางด้านการเงินให้สมดุล เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 ธ.ค. 67)
Tags: ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย, วชิร คูณทวีเทพ, เศรษฐกิจไทย