นายกรณ์ จาติกวณิช พร้อมด้วยทีมงานพรรคกล้า แถลงข่าวเปิดตัวแคมเปญ “ตามหาผู้กล้า” มาเป็นผู้สมัคร สส.เพื่อทำงานการเมืองด้วยกัน เพื่อแก้ปัญหาให้กับบ้านเมือง ซึ่งขณะนี้มีคำถามเกิดขึ้นมากมายที่ไม่มีคำตอบให้กับประชาชน
นายกรณ์ กล่าวว่า พรรคกล้ายึดหลักปฏิบัติ 4 ประการ เพื่อทำงานให้กับประชาชนคือ 1. ประชาชนอยู่ดีกินดี 2.อยู่อย่างเป็นสุข 3.มีโอกาสความก้าวหน้า และ 4.เป็นที่พึ่งได้ในยามยาก นี่คือหลักปฏิบัติของเรา ที่จะเป็นฐานสำคัญเพื่อไปสู่ในหลาย ๆ เรื่อง และเมื่อการเมืองดีขึ้น นักการก็จะมีคุณภาพ
พรรคกล้าจึงต้องการนักปฏิบัติที่เป็น คนดี คนเก่ง คนที่มีจิตสาธารณะ มีความพร้อม ทุ่มเททำงานเพื่อประชาชน ไม่จำเป็นต้องร่ำรวย ไม่ต้องมีอิทธิพล ไม่ต้องเป็นอดีต สส.ในสภา ขอเพียงท่านกล้าที่จะเปลี่ยน กล้าที่จะลงมือทำ เราต้องการท่านมาเป็นว่าที่ผู้สมัค สส.ของเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคกล้าพร้อมที่จะส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่งนายก อบจ.หรือไม่ หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า เนื่องจากพรรคกล้าเป็นพรรคใหม่ จึงยังไม่พร้อมสำหรับสนาม อบจ. แต่เราจะติดตามการเมืองอย่างใกล้ชิด โดยขณะนี้ยังมีภารกิจที่ยังต้องเตรียมตัวอีกมาก เราทำงานกันทุกวันพื่อความพร้อมในการส่งผู้สมัคร ส.ส.ให้ครบทุกเขตเท่าที่เป็นไปได้
ต่อข้อถามที่ว่า เห็นอย่างไรกับข้อเรียกร้องให้นายกฯ ลาออกและยุบสภา นายกรณ์ กล่าวว่า การเมืองมีกรอบกติกา หากเกิดเหตุเช่นนั้นก็จะมีขั้นตอนปฏิบัติที่ชัดเจน แต่หน้าที่ของพรรคกล้าคือการเตรียมความพร้อม เรามีเป้าหมายชัดเจนที่จะทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ เพื่อช่วยประชาชนอยู่ดีกินดี โดยยึดหลัก 4 ประการตามที่กล่าวข้างต้น
อย่างไรก็ตามในมุมมองที่มีต่อรัฐบาลนั้น ยังมีผลงานหลายเรื่องที่สามารถทำได้ดีกว่านี้ มีการพูดถึงการปฏิรูปด้านต่าง ๆ ขณะนี้ยังไม่เห็นผลสัมฤทธิ์เท่าที่ควร ถ้าถามพรรคกล้า เราก็จะตอบว่าเราอยากเห็นรัฐบาลทำงานตอบโจทย์บ้านเมือง แต่สิทธิการตัดสินใจคืออยู่ทีท่านนายกฯ ถ้าท่านจะอยู่ต่อ ก็ขอให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาต่าง ๆ ของประชาชนเวลานี้ถ้าไปถามใครล้วนตอบเหมือนกันว่า ตอนนี้ ทุกมีปัญหาเรื่องการทำมาหากิน หนี้สิน ราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ
ส่วนมุมมองของพรรคกล้าต่อกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเยาวชน นายกรณ์ กล่าวว่า เราพูดมาตลอด การชุมนุมสิทธิตามระบอบประชาธิปไตยแต่ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมาย ผู้ชุมนุมต้องเคารพสิทธิของผู้อื่น ต้องหลีกเลี่ยงกระทบกระทั่งจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง อยู่ในกรอบเคารพสิทธิของทุกคน นี่คือจุดยืนที่เราย้ำมาตลอด
ส่วนข้อเรียกร้องเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อไม่ให้ สว.มีอำนาจในการเลือกนายกฯ โดยหลายคนมองว่า จะเป็นการปลดล็อคเงื่อนไขความขัดแย้งทางการเมืองนั้น นายกรณ์ กล่าวว่า ในทางปฏิบัติตามข้อเท็จจริงรัฐบาลไม่จำเป็นต้องอาศัยอำนาจของ สว.ในการเลือกนายกฯ เพราะเสียงของรัฐบาลเพียงพออยู่ก่อนแล้ว จึงไม่มีเหตผลที่รัฐบาลจะคงสิทธินั้นไว้ รัฐบาลควรเอาจริงกับการคืนอำนาจความเป็นประชาธิปไตยเพื่อลดความขัดแย้งโดยการลดอำนาจเลือกนายกฯ ของสว.ลง
ผู้สื่อข่าวถามถึงความเห็นต่อการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ หัวหน้าพรรคกล้า กล่าวว่า เรามีความชัดเจนและเชื่อมั่นในระบบการปกครองในระบอบประชาธิไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข มันไม่ใช่เป็นเพียงวาทกรรม แต่เราเชื่อว่าระบอบนี้จะนำมาซึ่งความสงบสุข มั่นคงของประเทศไทยในอนาคต
“หากมองย้อนกลับไป 50-100 ปีที่ผ่านมาทุกองค์กร ทุกสถาบัน ของประเทศ มีความยืดหยุ่นมาตลอด รวมถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อความแหมาะสมตามสถานการณ์ เพื่อความสงบสุขประเทศ และเชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้นตลอดไป เช่นเดียวกับ สถาบันตุลาการ สถาบันการเมือง ก็ต้องยืดหยุ่นไปตามยุคสมัย”
หัวหน้าพรรคกล้า กล่าว
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ต.ค. 63)
Tags: กรณ์ จาติกวณิช, พรรคกล้า