เงินบาทเปิด 34.36 แข็งค่าจากวานนี้ เกาะติดตัวเลขเงินเฟ้อไทย-ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐ

นายพูน พานิชพิบูลย์ นักกลยุทธ์ตลาดเงินตลาดทุน Krungthai GLOBAL MARKETS ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ค่าเงิน บาทเปิดเช้านี้ที่ระดับ 34.36 บาท/ดอลลาร์ แข็งค่าขึ้นเล็กน้อยจากปิดวันก่อนที่ระดับ 34.43 บาท/ดอลลาร์

สำหรับแนวโน้มของค่าเงินบาท แม้ว่าจะทยอยแข็งค่าขึ้นมากกว่าที่ได้ประเมินไว้ แต่การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทก็อาจเป็นไป อย่างจำกัด เนื่องจากเงินดอลลาร์ยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าอยู่บ้าง ตราบใดที่รายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังออกมาดีกว่าคาด หรือ สะท้อนภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สดใส นอกจากนี้ ราคาทองคำยังขาดปัจจัยใหม่เข้ามาหนุน ทำให้ราคาทองคำก็ยังอยู่ในภาวะปรับฐานไปก่อน

“เงินบาทยังพอได้แรงหนุนฝั่งแข็งค่าบ้าง ตามโฟลว์ธุรกรรมขายเงินดอลลาร์ของบรรดาผู้ส่งออก รวมถึงการทยอยกลับเข้าซื้อ สินทรัพย์ไทยของบรรดานักลงทุนต่างชาติ” นายพูน ระบุ

ปัจจัยสำคัญในฝั่งไทยวันนี้ ประเมินว่า อัตราเงินเฟ้อ (CPI) ของไทยในเดือนพ.ย. อาจปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 1.08% (แทบ ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเทียบจากเดือนก่อนหน้า)

ส่วนปัจจัยต่างประเทศ ตลาดรอดูรายงานข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่าง ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคการบริการ (ISM Services PMI) และยอดการจ้างงานภาคเอกชนเดือนพ.ย. รวมถึงถ้อยแถลงของประธานเฟด และรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจจาก บรรดาเฟดสาขาต่างๆ นอกจากนี้ ตลาดจะรอจับตาสถานการณ์การเมืองฝรั่งเศส โดยหากความวุ่นวายเริ่มคลี่คลายลงบ้าง ก็อาจช่วยลด ทอนแรงกดดันฝั่งอ่อนค่าต่อเงินยูโร (EUR) ในระยะสั้นนี้

นายพูน คาดกรอบเงินบาทวันนี้ จะอยู่ที่ระดับ 34.20-34.55 บาท/ดอลลาร์

ปัจจัยสำคัญ

  •  เงินเยน อยู่ที่ระดับ 150.02 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานที่ระดับ 149.81/83 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0501 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานที่ระดับ 1.0518/0519 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท. อยู่ที่ระดับ 34.425 บาท/ดอลลาร์
  • พาณิชย์ เตรียมแผนรับมือทรัมป์ 2.0 ชี้แห่ใช้มาตรการตอบโต้ สกัดนำเข้า-ต้นทุนพุ่งไทยผลักดันใช้สิทธิเอฟทีเอเพิ่มการค้า ปลื้มปี’67 ปีทองส่งออกข้าวและค้าชายแดน-ผ่านแดน ปี’68 คาดข้าวส่งได้ 7.5 ล้านตัน ค้าชายแดนโตอย่างต่ำ 3%
  • “พิชัย” เร่งเครื่องปรับโครงสร้างภาษี ชงหั่นภาษีนิติบุคคลขึ้นแวต ให้สอดคล้องทั่วโลก แจงหวังยังเห็น กนง.หั่นดอกเบี้ย บี้หามาตรการระยะยาวคุมค่าบาท ประคองส่งออก
  • อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า แนวโน้มการส่งออกข้าวในช่วงที่เหลือของปีนี้ยังคาดจะเติบโตได้ดี โดยจาก ข้อมูลใบอนุญาตส่งออกข้าวของกรม พบเดือน พ.ย.2567 มีการขออนุญาตส่งออกข้าวแล้วประมาณ 0.92 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 17% เมื่อรวมกับ ปริมาณส่งออกข้าว 10 เดือน ที่ส่งออกแล้ว 8.35 ล้านตัน ดังนั้นจึงมีตัวเลขส่งออกข้าว 11 เดือน อยู่ที่ประมาณ 9.27 ล้านตัน ดังนั้นทั้งปี จึงมีโอกาสถึง 10 ล้านตัน
  • ประธานาธิบดี “ยุน ซอกยอล” แห่งเกาหลีใต้ แถลงยกเลิกกฎอัยการศึก ที่เพิ่งประกาศไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน โดยการ แสดงท่าทีล่าถอยดังกล่าว มีขึ้นหลังจากรัฐสภาพร้อมใจกันโหวตคว่ำความพยายามของ ปธน.ยุน ที่จะสั่งห้ามกิจกรรมการเมืองและควบคุม สื่อ สถานการณ์ดังกล่าว นับเป็นวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ในรอบหลายทศวรรษ
  • ผู้ว่าการธนาคารกลางจีน (PBOC) ยืนยันว่า PBOC จะใช้นโยบายด้านการเงินเพื่อกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจในปี หน้า เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า หลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และจะกลับคืนสู่ทำเนียบขาวในช่วงต้นปีหน้า
  • สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน เพิ่มขึ้น 372,000 ตำแหน่ง สู่ระดับ 7.744 ล้าน ตำแหน่งในเดือนต.ค. ส่วนตัวเลขปลดออกจากงานลดลง 169,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. 2566
  • นักลงทุนมองว่าการเพิ่มขึ้นของตัวเลข JOLTS อาจจะส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) มีความระมัดระวังในการ พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย โดยตัวเลข JOLTS เป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสนใจ โดยมองว่าเป็นมาตรวัดภาวะตึงตัวในตลาดแรงงาน ซึ่ง เป็นปัจจัยในการพิจารณานโยบายการเงินและอัตราดอกเบี้ยของเฟด
  • เจ้าหน้าที่ระดับสูง 3 คนของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) แสดงความชัดเจนถึงความเป็นไปได้ที่เฟดจะเดินหน้าปรับลด อัตราดอกเบี้ยในปีหน้า แต่ไม่ชี้ชัดว่าจะสนับสนุนเฟดลดดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 ธ.ค. นี้หรือไม่
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันอังคาร (3 ธ. ค.) ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (3 ธ.ค.) โดยได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และการ ชะลอตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยข้อมูลแรงงานของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้าง งานนอกภาคเกษตรซึ่งจะมีการเปิดเผยในวันศุกร์
  • นักลงทุนจับตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคาร กลางสหรัฐฯ (เฟด) ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนพ.ย.จะพุ่งขึ้น 183,000 ตำแหน่ง หลังจาก เพิ่มขึ้นเพียง 12,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานเดือนพ.ย.จะทรงตัวที่ระดับ 4.1%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (04 ธ.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top