นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบของกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย(KTB) มีหลักฐานพบว่าร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ “คนละครึ่ง” มีการกระทำผิดเงื่อนไข จึงได้ทำการปิดแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน”ของร้านค้าที่เข้าโครงการนี้แล้ว 2 ร้าน เนื่องจากไม่มีการซื้อขายสินค้าจริงให้กับประชาชนที่เข้าโครงการ และยังมีรายชื่อร้านค้าที่เข้าโครงการดังกล่าวอีกมากกว่า 10 ร้าน อยู่ในข่ายที่จะถูกปิดเหมือน 2 ร้านแรก
ทั้งนี้ กระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทย จะเรียกเงินคืนจากร้านค้าที่ถูกปิด และถูกให้ออกจากโครงการคนละครึ่ง รวมทั้งอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินคดีอาญาในฐานฉ้อโกงเงินแผ่นดิน ส่วนประชาชนที่เข้าโครงการและได้ซื้อสินค้าจากร้านที่ถูกปิดและสั่งให้ออกจากโครงการนั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการติดตามและพิจารณาว่าจะถูกตัดสิทธิด้วยหรือไม่
“ระบบของธนาคารกรุงไทย สามารถตรวจสอบความผิดปกติของการซื้อสินค้าทุกรายการ เจ้าหน้าที่ของธนาคารและกระทรวงการคลังได้ลงพื้นที่ตรวจสอบความผิดปกติของร้านค้าทั่วประเทศทุกวัน จึงอยากเตือนร้านค้าและประชาชนที่เข้าร่วมโครงการอย่าทำการฉ้อโกง เพราะหากถูกจับได้จะถูกยึดเงินคืนและดำเนินดคีอาญาด้วย”
นายกฤษฎา กล่าว
ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า สำหรับร้านค้ายังสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้ เพราะไม่มีการจำกัดจำนวน แต่ในส่วนของประชาชนมีการจองสิทธิเต็ม 10 ล้านคนแล้ว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 63)
Tags: กระทรวงการคลัง, กฤษฎา จีนะวิจารณะ, คนละครึ่ง, ถุงเงิน, ร้านค้า, เศรษฐกิจไทย