ไทย-อียู เจรจา FTA รอบ 4 คืบหน้า จ่อยื่นข้อเสนอเปิดตลาดสินค้า มี.ค.68

น.ส.โชติมา เอี่ยมสวัสดิกุล อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้เป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเจรจา FTA ไทย-สหภาพยุโรป (EU) รอบที่ 4 ระหว่างวันที่ 25-29 พ.ย.67 ที่กรุงเทพฯ ซึ่งตนเป็นหัวหน้าคณะเจรจาฝ่ายไทย ได้เร่งเดินหน้าเจรจาความตกลงฯ และขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุนระหว่างไทยกับ EU ซึ่งเป็นไปตามนโยบายสำคัญของรัฐบาล

และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รมว.พาณิชย์ ที่ให้ความสำคัญกับการขยายโอกาสทางการค้าของไทยในตลาดต่างประเทศ และมุ่งผลักดันการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (FTA) รวมทั้งเร่งรัดสรุปผลการเจรจาให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อดึงดูดการลงทุน และขยายการค้าของไทยออกสู่ตลาดโลก

น.ส.โชติมา กล่าวว่า การเจรจารอบนี้ ในภาพรวมเป็นไปด้วยดี โดยข้อบทมีความคืบหน้าในทุกเรื่อง และสามารถสรุปได้แล้ว 2 บท ได้แก่ 1. บทแนวทางปฏิบัติที่ดีด้านกฎระเบียบ (Good Regulatory Practices) อาทิ การเผยแพร่และการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เกี่ยวกับกฎระเบียบต่างๆ และ 2. บทความโปร่งใส (Transparency) ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสร้างความโปร่งใสในกฎหมาย กฎระเบียบ และกระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มหารือเกี่ยวกับแนวทาง และกรอบเวลาการยื่นข้อเสนอการเปิดตลาดสินค้า บริการ และการจัดซื้อจัดจ้างโดยรัฐระหว่างกันแล้ว รวมถึงได้วางแผนการจัดประชุมระหว่างรอบในรูปแบบออนไลน์ของทุกกลุ่ม เพื่อให้การเจรจารอบที่ 5 มีความคืบหน้ามากที่สุดและสามารถสรุปการเจรจาเพิ่มเติมได้ ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนมี.ค.68 ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม

สำหรับในช่วงการเจรจารอบที่ 4 กรมฯ ยังได้จัดงานสัมมนาในประเด็นสินค้าที่ใช้แล้ว นำมาปรับปรุงคุณภาพให้เหมือนของใหม่ (Remanufactured goods) โดยมีผู้เชี่ยวชาญจาก EU ร่วมเป็นวิทยากร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้รับความสนใจ และการตอบรับจากผู้เข้าร่วมเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ หัวหน้าคณะเจรจา FTA ของทั้งสองฝ่าย ยังได้เข้าร่วมงานเสวนา Progress and Prospects in the EU-Thailand Free Trade Agreement Negotiations ที่จัดโดยสมาคมการค้ายูโรเปียนเพื่อธุรกิจและการพาณิชย์ (EABC) เพื่อให้ข้อมูลความคืบหน้าการเจรจา ประโยชน์ และโอกาสของภาคธุรกิจสองฝ่ายจาก FTA ผ่านมุมมองของฝ่ายไทย และ EU

โดยในงานเสวนาดังกล่าว มีบริษัทต่างๆ ของ EU ที่ลงทุนในไทย และผู้แทนภาคเอกชนไทย อาทิ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย สภาผู้ส่งสินค้าทางเรือ เข้าร่วมรับฟัง และให้ข้อคิดเห็นอีกด้วย

ทั้งนี้ EU เป็นคู่ค้าอันดับ 5 ของไทย รองจากอาเซียน จีน สหรัฐฯ และญี่ปุ่น โดยในปี 2566 การค้าระหว่างไทยกับ EU มีมูลค่า 41,713 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 1.75% จากปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไป EU มูลค่า 21,959 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 3.68% และไทยนำเข้าจาก EU มูลค่า 19,754 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 8.55%

สำหรับในช่วง 10 เดือน (ม.ค.- ต.ค. 67) การค้าระหว่างไทยกับ EU มีมูลค่า 36,425 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 3.42% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยไทยส่งออกไป EU มูลค่า 20,118 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว 9.28% และไทยนำเข้าจาก EU มูลค่า 16,307 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 2.99%

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 67)

Tags: , , , , , ,
Back to Top