บล.คิงส์ฟอร์ด ไล่ออก 4 พนักงานเอี่ยว “หมอบุญ” ย้ำไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

บล.คิงส์ฟอร์ด ออกแถลงการณ์ว่า ตามที่มีการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับพนักงานของ บล. คิงส์ฟอร์ด เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกรรมการกู้ยืมเงินของนายแพทย์ บุญ วนาสิน กับบุคคลที่สาม ตามที่ทราบแล้วนั้น บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะทำงานเพื่อสอบสวนข้อเท็จจริง และพบว่ามีพนักงานบริษัทฯ จำนวน 4 ราย (ปัจจุบัน ถูกจับกุมแล้ว 3 ราย) ได้ทำผิดต่อหน้าที่และความรับผิดชอบตามที่ได้รับมอบหมายจากบริษัทฯ ซึ่งเป็นการฝ่าฝืนต่อระเบียบข้อบังคับบริษัทฯ และสัญญาการจ้างงานอย่างร้ายแรง โดย

1. กระทำการนอกเหนือเอำนาจหน้าที่ที่บริษัทฯ กำหนดไว้

2. ปกปิดข้อเท็จจริงที่รู้หรือควรรู้ อีกทั้งไม่แจ้งและไม่รายงานบริษัทฯ และหรือผู้บังคับบัญชาตามสายงาน

3. รับผลประโยชน์ตอบแทนจากการทำธุรกรรมส่วนตัวโดยแอบอ้างและหรือใช้ชื่อ บริษัทฯ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

4. ใช้ตำแหน่งหน้าที่ในฐานะพนักงานของบริษัทฯ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย

บริษัทฯ ได้พิจารณาและมีคำสั่งให้พนักงานทั้ง 4 ราย “พ้นสภาพการเป็นพนักงานของบริษัทฯ” ตั้งแต่วันที่  29 พฤศจิกายน 2567 และอยู่ในระหว่างการพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายในลำดับต่อไป

นอกจากนี้ ตามที่มีสื่อบางแห่งได้พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริงของแถลงการณ์ของบริษัทฯ ฉบับก่อนหน้าพร้อมนำรูปภาพของผู้บริหารบริษัทฯ และนายแพทย์บุญ ที่ได้ถ่ายรูปไว้ร่วมกัน เมื่อช่วงเดือน สิงหาคม 2563 โดยได้นำเสนอข่าวที่พยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ชี้นำผู้อ่านให้คล้อยตามว่าบริษัทฯ เข้าไปมีส่วนร่วมในการชักชวนนักลงทุนให้เข้าร่วมลงทุนใน 5 โครงการลงทุนทางการแพทย์ของนายแพทย์บุญ ตามที่เป็นข่าวนั้น

บริษัทฯ ชี้แจงว่า ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2562 ที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) นั้น ทำให้ถุงมือยางภายในประเทศขาดแคลน ดังนั้น ในช่วงเดือน สิงหาคม 2563 บริษัท ไทยเมดิคอลโกลฟ จำกัด ซึ่งมี นายแพทย์ บุญ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ได้ติดต่อเข้ามายังบริษัทฯ เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับความต้องการซื้อกิจการบริษัทที่ผลิตและจำหน่ายถุงมือยางแห่งหนึ่ง บริษัท ไทยเมดิคอลโกลฟ จำกัด จึงได้แต่งตั้งให้บริษัทฯ เป็นที่ปรึกษาสำหรับการเข้าซื้อกิจการดังกล่าวเท่านั้น และธุรกรรมดังกล่าวไม่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด การทำหน้าที่ของบริษัทฯ เป็นการให้บริการลูกค้าตามวิชาชีพปกติ และการทำหน้าที่ดังกล่าวได้ยุติไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2563 อีกทั้ง ผู้บริหารบริษัทฯ ก็ไม่ได้รู้จักสนิทสนมกับนายแพทย์บุญ เป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด

ดังนั้น การพยายามบิดเบือนข้อมูลพร้อมนำเสนอข่าวสารที่ฝ่าฝืนต่อความเป็นความจริง โดยไม่ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดแจ้งด้วยอคติ ขัดแย้งต่อจรรยาบรรณสื่อ ย่อมเป็นการกระทำที่เข้าข่ายการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาต่อบริษัทฯ ผู้บริหารของบริษัทฯ และผู้เกี่ยวข้องซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณาดำเนินการทางกฎหมายกับผู้ที่เสนอข่าวบิดเบือนและให้ร้ายบริษัทฯ ต่อไป

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top