นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการหารือกับ US-APEC Business Coalition โดยรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความต่อเนื่องของนโยบาย การเจรจา และการมีส่วนร่วมกับธุรกิจยังคงมีความสำคัญมาก และขอเน้นย้ำว่า โอกาส ความพร้อม และความเชื่อมั่นนั้น ประเทศไทยเปิดกว้างสำหรับธุรกิจและการลงทุน และพร้อมมุ่งขับเคลื่อนความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจร่วมกันกับสหรัฐฯ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและสหรัฐฯ โดยการลงทุนของสหรัฐฯ ในไทยนั้น ได้สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ และย้ำถึงการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจต่อเนื่อง ในการส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการไทยในสหรัฐฯ เพื่อกระชับความสัมพันธ์การค้าให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น อีกทั้งมีความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับภาคธุรกิจสหรัฐฯ เพื่อพัฒนาความร่วมมือที่เกิดประโยชน์ร่วมกันในอนาคต
นอกจากนี้ รัฐบาลได้เน้นนโยบายเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์และเป็นมิตรต่อการลงทุน พร้อมเปิดกว้างในด้านความร่วมมือระหว่างประเทศในกรอบความร่วมมือทวิภาคีและภูมิภาค เช่น APEC และ IPEF ที่พร้อมในการมุ่งมั่น เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน โดยรัฐบาลไทยได้เสนอสิทธิพิเศษทางด้านธุรกิจ เช่น การยกเว้นวีซ่าและวีซ่าพำนักระยะยาวให้กับนักธุรกิจ เพื่อดึงดูดนักลงทุนและผู้เชี่ยวชาญ
รวมทั้งมีเป้าหมายที่จะเป็นศูนย์กลาง ด้านเกษตรอัจฉริยะ เศรษฐกิจดิจิทัล และการเปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมที่สามารถแข่งขันในระดับโลก รวมถึงสนับสนุนการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานสะอาดอีกด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังชูวิสัยทัศน์ในการส่งเสริมการค้าเสรีและข้อตกลง FTA ที่พร้อมขับเคลื่อนการมีส่วนร่วมในกรอบ OECD ซึ่งจะยกระดับมาตรฐานความโปร่งใสและต่อต้านการทุจริตเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจไทยอีกด้วย
“เราเน้นความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและสหรัฐฯ โดยชี้ให้เห็นว่าการลงทุนของสหรัฐฯ ในไทยเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในปี 66 มีมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 70% จากปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของสหรัฐฯ ในสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจของไทย รัฐบาลไทยยังมุ่งสนับสนุนอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีทางการแพทย์ และอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ และไทยยังส่งเสริมความร่วมมือด้านเซมิคอนดักเตอร์ สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดและพัฒนาทักษะบุคลากร รวมทั้งการมุ่งมั่นส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ไทย ขับเคลี่อนการศึกษา และพัฒนาฝีมีอแรงงานเพื่อเตรียมรับอุตสาหกรรมอนาคตด้วย”
นายกรัฐมนตรี ระบุ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก่อนการเดินทางเข้าร่วมประชุมเอเปค ที่เปรูได้มีโอกาสเดินทางไปที่นครลอสแอนเจลิส และพบหารือภาคเอกชนสหรัฐฯ โดยที่ผ่านมาไทยและสหรัฐฯ มีความร่วมมือการลงทุนระหว่างกันกว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 5 แสนล้านบาท และสร้างงานกว่า 70,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ รัฐบาลไทยตั้งเป้าส่งเสริมการลงทุนของสหรัฐฯ ในไทยและกระชับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจตลอดไป
สำหรับ U.S.-APEC Business Coalition เป็นองค์กรพันธมิตร ประกอบด้วย
1. National Center for APEC (NCAPEC) ซึ่งเป็นองค์กรธุรกิจที่เป็นกระบอกเสียงเชื่อมโยงภาครัฐและภาคธุรกิจสหรัฐฯ สร้างเวทีหารือ เชิงนโยบายกับผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค เพื่อสนับสนุนการค้าเสรี และความร่วมมือระดับภูมิภาค
2. หอการค้าสหรัฐฯ (U.S. Chamber of Commerce: USCC) เป็นองค์กรภาคธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพื่อสนับสนุนบริษัทสมาชิกในการส่งเสริมนโยบาย กฎระเบียบ และสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ
3. สภาธุรกิจสหรัฐฯ-อาเซียน (U.S.-ASEAN Business Council: USABC) เป็นองค์กรธุรกิจที่มีสมาชิกเป็นบริษัทสหรัฐฯ ชั้นนำที่ลงทุนหรือดำเนินธุรกิจกับประเทศในอาเซียนโดยมีบทบาทสำคัญ ในการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐมาอย่างยาวนาน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ย. 67)
Tags: ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ, จิรายุ ห่วงทรัพย์, นักธุรกิจ, แพทองธาร ชินวัตร