นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) กล่าวว่า แม้ว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐล่าสุดยังไม่มีความชัดเจนของผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการที่ออกมา แต่จากที่มีการทยอยนับคะแนนล่าสุดที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ มีคะแนนนำนางคามาลา แฮร์ริส โดยหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะเป็นประธานาธืบดีสหรัฐ มองว่าจะส่งผลดีต่อสหรัฐเป็นอย่างมาก จากการที่นโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ชู American First เน้นการสร้างการเติบโตให้กับเศรษฐกิจอเมริกา และคนอเมริกันเป็นหลัก
ขณะเดียวกันนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ที่สนับสนุนต่อภาคธุรกิจของสหรัฐ ที่จะมีการลดภาษีนิติบุคคล จะเป็นปัจจัยที่หนุนต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนของในสหรัฐที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐ ทำให้กระแสเงินทุนจะไหลกลับเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐอย่างคึกคักมากขึ้น และส่งผลต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามยังคงเป็นเรื่องสงครามการค้า ที่เกี่ยวข้องกับมาตรการกีดกันทางการค้าต่างๆ โดยเฉพาะการทำสงครามการค้ากับจีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อภาพรวมของการค้าโลก และการไหลเวียนของเม็ดเงินลงทุน ซึ่งมองว่าหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะเป็นประธานาธิบดี จะมีความรุนแรงในการกีดกันทางการค้ากับจีนอย่างมาก แต่ก็อาจจะส่งผลดีต่อการที่จะเห็นการย้ายฐานการผลิตออกจากจีน ที่ไทยเองก็จะได้รับอานิสงส์ในการย้ายฐานการผลิตด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามประเด็นด้านการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนมาในประเทศภูมิภาคอาเซียน เช่น ไทย หรือเวียดนาม เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจจะต้องมีความระมัดระวังถึงผลกระทบทางอ้อม ในเรื่องของการที่สหรัฐจะมีมาตรการกีดกันทางการค้ากับประเทศที่เป็นฐานการผลิตของธุรกิจจากจีน เพราะสหรัฐเองก็มีความรอบรู้ถึงประเด็นดังกล่าว ทำให้อาจจะมีการเพ่งเล็งประเทศที่เป็นฐานการผลิตใหม่ให้กับธุรกิจจากจีน ซึ่งหากมีการผลิตเพื่อส่งออกไปขายในอาเซียนเองก็ไม่มีความกังวลในเรื่องดังกล่าว แต่หากมีการผลิตเพื่อส่งออกไปขายในสหรัฐก็อาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้น เพื่อไม่ให้กระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และกระทบต่อภาคการส่งออกของไทย
ส่วนประเด็นด้านสงครามที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซีย-ยูเครน และอิสราเอล-อิหร่าน มองว่าหากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะเป็นประธานาธิบดี ก็จะเริ่มผ่อนคลายลง จากการที่โดนัลด์ ทรัมป์ ไม่สนับสนุนในเรื่องสงคราม ทำให้การสนับสนุนอาวุธกับกลุ่มประเทศที่มีความขัดแย้งจะลดลง ประกอบกับนโยบายที่เกี่ยวข้องกับ Green จะเป็นนโยบายรอง และจะหันมามีการขุดเจาะน้ำมันของสหรัฐเพิ่มมากขึ้น เพื่อทำให้ต้นทุนการผลิตของสหรัฐลดลง เพื่อสนับสนุนต่อต้นทุนการผลิตสินค้าของสหรัฐ เพื่อทำให้คนอเมริกันมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง และกินดีอยู่ดี รวมถึงทีมที่จะเข้ามาทำงาน มองว่าการที่นายอีลอน มัสก์ มีการออกหน้าสนับสนุนนายโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างชัดเจน เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่นายนายอีลอน มัสก์ จะมีส่วนร่วมในการทำงานกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ โดยเฉพาะด้านการพัฒนาเทคโนโลยี และด้านเทคโนโลยีอวกาศ
ขณะที่ปัจจัยที่มีผลต่อการพิจารณาลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หากนายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เป็นประธานาธิบดี นั้นมองว่าเฟดไม่มีความเกี่ยวข้องกับการเมือง มีการแบ่งแยกการตัดสินใจอย่างชัดเจน และการพิจารณาด้านนโยบายการเงินของเฟดจะดูที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นหลัก
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ย. 67)
Tags: FETCO, กอบศักดิ์ ภูตระกูล, มาตรการกีดกันการค้า, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย, เศรษฐกิจไทย