ออสเตรเลียยกระดับป้องกันขีปนาวุธ หลังจีนทดสอบยิง ICBM ตกในมหาสมุทรแปซิฟิก

ออสเตรเลียกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธ เนื่องจากมีความกังวลอย่างมากต่อการทดสอบขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) ของจีนในมหาสมุทรแปซิฟิก พร้อมเตรียมเสริมแกร่งคลังอาวุธและการส่งออกไปยังพันธมิตรด้านความมั่นคง ขณะที่ภูมิภาคกำลังก้าวเข้าสู่ยุคขีปนาวุธใหม่

แพต คอนรอย รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ กล่าวสุนทรพจน์ที่สมาคมผู้สื่อข่าวแห่งชาติออสเตรเลีย (NPC) ในวันนี้ (30 ต.ค.) ว่า ออสเตรเลียกำลังเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันขีปนาวุธและการโจมตีระยะไกล พร้อมทั้งร่วมมือกับชาติพันธมิตรด้านความมั่นคงอย่างสหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ เพื่อส่งเสริมเสถียรภาพในภูมิภาค

คอนรอยเสริมว่า สาเหตุที่ออสเตรเลียต้องเพิ่มขีปนาวุธ เนื่องจากการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า จีนได้ทดสอบยิงขีปนาวุธ ICBM เมื่อเดือนก.ย. ซึ่งเดินทางเป็นระยะทางกว่า 11,000 กิโลเมตร จนตกลงในมหาสมุทรแปซิฟิกทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย

คอนรอยระบุว่า ภูมิภาคอินโดแปซิฟิกกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ “ยุคขีปนาวุธใหม่” ที่ขีปนาวุธกลายเป็น “เครื่องมือในการบีบบังคับ” พร้อมทั้งย้ำว่า “เรามีความกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับการทดสอบขีปนาวุธนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันได้ข้ามมาสู่แปซิฟิกใต้ ซึ่งตามสนธิสัญญาราโรตองกา (Treaty of Rarotonga) ระบุว่า ภูมิภาคนี้ควรเป็นเขตปลอดนิวเคลียร์”

ทั้งนี้ ออสเตรเลียกำลังติดตั้งขีปนาวุธ SM-6 บนเรือพิฆาตของกองทัพเรือเพื่อป้องกันขีปนาวุธ ขณะเดียวกัน เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ออสเตรเลียได้ประกาศข้อตกลงมูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียกับสหรัฐฯ เพื่อซื้อขีปนาวุธพิสัยไกล SM-2 IIIC และ Raytheon SM-6 สำหรับกองทัพเรือของตน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ต.ค. 67)

Tags: ,
Back to Top