หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชนา มอร์นิง โพสต์ รายงานว่า การที่จีนมีอำนาจเหนือทรัพยากรส่วนมากในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (DRC) ซึ่งมีทรัพยากรจำนวนมากนั้น อาจทำให้ความพยายามของสหรัฐฯ ในการลดการพึ่งพาแร่ธาตุสำคัญจากซัพพลายเชนของจีนยุ่งยากมากขึ้น
เบนช์มาร์ก มิเนอรัล อินเทลลิเจนซ์ (Benchmark Mineral Intelligence) บริษัทข้อมูลจากอังกฤษ ระบุว่า โคบอลต์ในคองโก ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ ตกอยู่ในมือของบริษัทเหมืองแร่จากจีนเป็นส่วนใหญ่
บริษัทจีนควบคุมโคบอลต์มากถึง 2 ใน 3 ในคองโก ซึ่งผลิตโคบอลต์คิดเป็นประมาณ 74% ของผลผลิตโคบอลต์ทั่วโลก ส่งผลให้บริษัทเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงที่จะเข้าข่ายหน่วยงานต่างประเทศที่น่ากังวลตามกฎหมายการลดเงินเฟ้อของสหรัฐฯ (IRA)
เบนช์มาร์ก มิเนอรัล ระบุว่า ซีเอ็มโอซี (CMOC) หรือที่รู้จักในชื่อว่า ไชน่า โมลิบดีนัม (China Molybdenum) เป็นผู้ผลิตโคบอลต์รายใหญ่จากสองแหล่งหลักในคองโก ซึ่งอาจถูกจัดเป็นหน่วยงานต่างประเทศที่น่ากังวล (FEOC) ตามกฎหมาย IRA
การศึกษาของเบนช์มาร์ก มิเนอรัล ระบุว่า 60% ของการผลิตโคบอลต์ทั่วโลกในปี 2567 จะมาจากทรัพย์สินที่ถูกจัดประเภทเป็น FEOC หรือมีความเสี่ยงสูงที่จะตกอยู่ในประเภทนั้น
ทั้งนี้ ข้อกำหนดนี้ครอบคลุมหน่วยงานที่เป็นเจ้าของ ควบคุม หรืออยู่ภายใต้เขตอำนาจของจีน รัสเซีย อิหร่าน และเกาหลีเหนือ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 ต.ค. 67)
Tags: คองโก, จีน, ซัพพลายเชน, สหรัฐ, แร่ธาตุ