ยอดขายรถไฮบริดแซงรถน้ำมันครั้งแรกในตลาด EU เดือนก.ย.

สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ยุโรป (ACEA) รายงานในวันนี้ (22 ต.ค.) ว่า รถยนต์ไฮบริด (HEV) รุ่นใหม่ครองส่วนแบ่งตลาดสหภาพยุโรป (EU) ถึง 32.8% ในเดือนก.ย. ทำลายสถิติด้วยการแซงหน้ายอดขายรถน้ำมันเป็นครั้งแรก

อย่างไรก็ตาม ภาพรวมตลาดรถยนต์ใน EU ยังคงซบเซา โดยตัวเลขยอดขายรวมหดตัวลง 6.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยเฉพาะในตลาดใหญ่อย่างเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ที่ยังคงไม่มีทีท่าฟื้นตัว

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยอดขายรถไฮบริดใน EU พุ่งขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เพราะผู้ซื้อมองว่าเป็นทางเลือกที่คุ้มค่า ไม่แพงเท่ารถไฟฟ้า 100% แต่ประหยัดกว่ารถน้ำมันทั่วไป

ส่วนรถไฟฟ้า 100% (BEV) และรถปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) กลับขายได้น้อยลงในปีนี้ สาเหตุหนึ่งมาจากแต่ละประเทศในยุโรปมีนโยบายส่งเสริมรถพลังงานสะอาดไม่เหมือนกัน อีกทั้งทางการยังตั้งกำแพงภาษีสูงเพื่อกีดกันรถไฟฟ้าราคาถูกจากจีนอีกด้วย

ตลาดรถยนต์ใน EU กำลังเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน โดยรถยนต์ไฟฟ้าทุกประเภท (ทั้ง BEV, PHEV หรือ HEV) ครองส่วนแบ่งตลาดรถใหม่มากถึง 56.9% ในเดือนก.ย. เพิ่มขึ้นจาก 50.3% ในปีที่แล้ว

เมื่อแยกตามประเภท รถไฟฟ้า 100% มียอดขายในเดือนก.ย.เพิ่มขึ้น 9.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน แต่หากมองภาพรวมตั้งแต่ต้นปี ยอดขายกลับหดตัว 5.8%

ส่วนรถไฮบริดทำผลงานได้ดี โดยยอดขายพุ่งขึ้น 12.5% ในขณะที่รถน้ำมันกลับทรุดหนัก ยอดขายร่วงลง 17.9% เหลือส่วนแบ่งตลาดเพียง 29.8% ในเดือนก.ย.

ด้านค่ายรถยักษ์ใหญ่ของยุโรป โฟล์คสวาเกน (Volkswagen) ยังประคองตัวได้ โดยยอดจดทะเบียนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.3% แต่สเตลแลนทิส (Stellantis) กลับทรุดหนัก ยอดร่วง 27.1% ส่วนเรโนลต์ (Renault) ก็ไม่สู้ดีนัก ยอดขยับลง 1.5%

“ตัวเลขวันนี้ชี้ชัดว่า ตลาดรถ EV ในยุโรปยังห่างไกลจากเป้าหมายที่เราตั้งไว้มาก” ซิกริด เดอ ฟรีส์ ผู้อำนวยการใหญ่ ACEA กล่าว

“การเติบโตของตลาดแบบนี้ยังไม่มั่นคงและไม่น่าไว้วางใจพอที่จะทำให้แผนเปลี่ยนผ่านไปสู่ยานยนต์สีเขียวประสบความสำเร็จได้”

ค่ายรถยักษ์ใหญ่ของยุโรปอย่างโฟล์คสวาเกน สเตลแลนทิส และเรโนลต์ กำลังเจอศึกหนักสองด้าน คือนอกจากกำลังซื้อในตลาดที่ซบเซาแล้ว ยังต้องรับมือกับการรุกคืบของรถยนต์จากจีนอีกด้วย

ล่าสุดเมื่อต้นเดือนนี้ ประเทศสมาชิก EU ได้ลงมติด้วยคะแนนเสียงฉิวเฉียดให้ขึ้นภาษีนำเข้ารถไฟฟ้าจากจีนสูงถึง 45% โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้ที่รัฐบาลจีนให้เงินอุดหนุนผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศอย่างไม่เป็นธรรม อย่างไรก็ตาม จีนปฏิเสธข้อกล่าวหานี้และขู่ว่าจะใช้มาตรการตอบโต้กลับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ต.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top