MEDEZE ปิดเทรดวันแรก 11.20 บาท ยืนเหนือจอง 24.44%

หุ้น MEDEZE ปิดเทรดวันแรกที่ 11.20 บาท เพิ่มขึ้น 2.20 บาท หรือ +24.44% จากราคา IPO ที่ 9.00 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 4,166.79 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 13.30 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 13.80 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 10.60 บาท

บล.โกลเบล็ก ประเมินราคาเหมาะสมในปี 2568 ของ บมจ.เมดีซ กรุ๊ป (MEDEZE) ราว 11.40 บาทต่อหุ้น ด้วยวิธี Prospective PER โดยใช้ Prospective PER ที่ระดับ 30x ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปีของหุ้นในกลุ่มการแพทย์ใน SET ขณะที่เราคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 68 อยู่ราว 0.38 บาทต่อหุ้น

MEDEZE เป็นผู้ให้บริการตรวจวิเคราะห์ คัดแยก เพาะเลี้ยง และรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) ตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells) ครอบคลุมการจัดเก็บเซลล์ในระยะยาว โดยมีบริการหลักได้แก่ 1) การจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่เก็บจากเลือดสายสะดือ 2) การจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่เก็บจากเนื้อเยื่อสายสะดือ 3) การจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดที่เก็บจากเนื้อเยื่อไขมัน และ 4) บริการทดสอบศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน วัตถุประสงค์ของการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ คือ 1) เพื่อใช้ในการขยายธุรกิจเซลล์รากผม 2) เพื่อใช้ในการลงทุนติดตั้งระบบการทำจัดเก็บเซลล์ด้วยหุ่นยนต์ และ 3) เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

ประเด็นสำคัญในการลงทุน อุตสาหกรรมการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) และบริการตรวจศักยภาพเซลล์ภูมิคุ้มกัน (NK Cells) มีความเกี่ยวข้องกับการเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยและความใส่ใจในสุขภาพมากขึ้นโดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องและทันสมัยเกี่ยวกับเซลล์ต้นกำเนิด อัตราความสำเร็จในการปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) ที่เพิ่มมากขึ้น สัดส่วนของผู้ที่มีรายได้ปานกลางจนถึงสูงซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักมีจำนวนเพิ่มขึ้น การขยายการลงทุนของธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าหลัก และความต้องการการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) เพื่อใช้รักษาโรคที่เกิดจากการเสื่อมของเซลล์ตามอายุขัยที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งกระแสการใส่ใจสุขภาพที่มากขึ้น

ฝ่ายวิจัยประเมินรายได้จากการบริการในปี 67-68 ราว 845 ล้านบาท และ 1,013 ล้านบาท ซึ่งเติบโต 22% และ 20% ตามลำดับ จากการขยายทีมขายเสนอบริการรับฝากเซลล์และจำนวนตัวแทนการให้บริการ ด้วยสมมติฐาน อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 79% เพิ่มขึ้นจาก 78.4% ในปี 2566 และอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเมื่อเทียบกับรายได้จากการให้บริการเท่ากับ 33% และ 36% ตามลำดับ ส่งผลให้คาดการณ์กำไรสุทธิปี 67-68 ราว 308 ล้านบาท และ 410 ล้านบาทซึ่งเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ระหว่าง ปี 66-68 ราว 20% ต่อปี อัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 36.5% และ 40.5% ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top