ฟอร์ทิเนท (Fortinet) บริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ เปิดเผยผลวิจัยระบุว่า เม็กซิโกเผชิญกับภัยคุกคามทางไซเบอร์เป็นจำนวนเกินครึ่งหนึ่งของที่มีการรายงานทั้งหมดในลาตินอเมริกาในช่วงครึ่งแรกของปี 2567
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เม็กซิโกเป็นจุดหมายปลายทางสำคัญภายใต้กระแสการย้ายฐานการผลิต (nearshoring) โดยบริษัทต่าง ๆ ต้องการย้ายฐานการผลิตไปใกล้กับตลาดหลักอย่างสหรัฐอเมริกา ส่งผลให้อาชญากรทางไซเบอร์มุ่งเป้าโจมตีภาคส่วนต่าง ๆ ของเม็กซิโก เช่น การขนส่ง การผลิตรถยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อสร้างความเสียหายและหาผลประโยชน์สูงสุดจากการโจมตีทางไซเบอร์
บรรดาผู้บริหารของฟอร์ทิเนทได้นำเสนอผลการวิจัยว่า แฮกเกอร์เริ่มมุ่งเป้าโจมตีไปยังกลุ่มตลาดเฉพาะเพื่อเรียกค่าไถ่จำนวนมากขึ้น และยังใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการโจมตีอีกด้วย
รายงานระบุว่า เม็กซิโกเผชิญกับความพยายามก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์ 3.1 หมื่นล้านครั้งในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 หรือคิดเป็น 55% ของทั้งหมดในลาตินอเมริกา
ฟอร์ทิเนทซึ่งมีสำนักงานใหญ่ในซันนีเวล รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเมินว่าทั่วโลกขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญด้าน AI มากถึง 4 ล้านคน โดยขาดแคลน 1.3 ล้านคนในลาตินอเมริกาและแคริบเบียน และขาดแคลนประมาณ 5 แสนคนในเม็กซิโก
ฮอร์เก มิรันดา ประธานของฟอร์ทิเนทในเม็กซิโก กล่าวว่า เม็กซิโกกำลังเผชิญกับการโจมตีทางไซเบอร์มากกว่าบราซิล เนื่องจากมีความใกล้ชิดและมีความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯ
เขากล่าวว่า บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการย้ายฐานการผลิตกำลังถูกโจมตีโดยตรงด้วยมัลแวร์เรียกค่าไถ่ (ransomware) โดยมีการเรียกค่าไถ่สูงขึ้นมาก
แม้ตัวเลขในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ในเม็กซิโกดูเหมือนจะชะลอตัวลงจากการโจมตีถึง 9.4 หมื่นล้านครั้งในปี 2566 แต่มิรันดาย้ำว่า อัตราการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ยังคงอยู่ในระดับที่สูงมาก
ฟอร์ทิเนทระบุว่า บริษัทหวังว่าเม็กซิโกจะออกกฎหมายควบคุมความปลอดภัยทางไซเบอร์ภายใน 1-2 ปีข้างหน้า โดยประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบาม ยืนยันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า จะสร้างศูนย์ความปลอดภัยทางไซเบอร์และปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระหว่างที่เธอดำรงตำแหน่ง แต่ไม่ได้กล่าวถึงเรื่องกฎหมายควบคุมในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (10 ต.ค. 67)
Tags: ความปลอดภัยทางไซเบอร์, ฟอร์ทิเนท, เม็กซิโก