นิสิตคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ พัฒนานวัตกรรม “โคโค่แลมป์” อุปกรณ์ครอบหลอดไฟ เบนแสงไฟบริเวณชายหาดที่รบกวนการวางไข่ของเต่าทะเล และช่วยลูกเต่าคลานลงทะเลได้อย่างปลอดภัย นวัตกรรมเพื่อการอนุรักษ์เต่าทะเลและส่งเสริมการอยู่ร่วมกันของมนุษย์และเต่าทะเล
เต่าทะเลในประเทศไทยกำลังอยู่ในภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ ภัยคุกคามมีหลายอย่าง หนี่งในนั้นคือแสงไฟจากโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหารบริเวณชายหาดที่เป็นแหล่งวางไข่ของเต่าทะเล แสงไฟเหล่านี้รบกวนการวางไข่ของแม่เต่าทะเล และที่สำคัญคือมีผลทำให้ลูกเต่าที่ฟักออกมาเกิดความสับสน แทนที่จะเดินลงทะเล กลับเดินไปยังพื้นที่ที่มีแสงสว่าง เป็นเหตุให้ลูกเต่าจำนวนไม่น้อยต้องติดอยู่บนชายหาด ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกล่า ทำร้าย และขาดน้ำตายในที่สุด ปัญหานี้เป็นแรงผลักดันให้ทีม Turtle Rangers นิสิตจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พัฒนา “โคโค่แลมป์” อุปกรณ์ครอบหลอดไฟที่จะช่วยเบนแสงไฟให้เหมาะสมกับเต่าทะเลตามหลัก Turtle friendly เพื่อให้ลูกเต่าคลานลงทะเลได้อย่างปลอดภัย
นางสาวมนพัทธ์ สีเงิน คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หนึ่งในสมาชิกทีม Turtle Rangers กล่าวถึงแนวคิดในการพัฒนา”โคโค่แลมป์” ว่า เราได้ศึกษาข้อมูลตัวอย่างจากเกาะแอนนามาเรีย รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่แสดงให้เห็นว่าการจัดแสงไฟให้เป็นมิตรต่อเต่าทะเลสามารถลดจำนวนลูกเต่าที่หลงทางได้อย่างมีนัยสำคัญ เราจึงคิดค้นนวัตกรรม “โคโค่แลมป์” เพื่อช่วยแก้ปัญหาแสงไฟที่รบกวนการวางไข่และการคลานลงทะเลของลูกเต่าทะเล ในขณะเดียวกัน ก็ไม่เปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตของมนุษย์ พวกเราอยากให้คนและเต่าอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข
โคโค่แลมป์เป็นนวัตกรรมครอบหลอดไฟเบนแสงสำหรับเต่าทะเล ที่ได้รับการออกแบบให้สอดคล้องกับหลักการจัดแสงที่เป็นมิตรต่อเต่าทะเลตามข้อเสนอแนะขององค์กรบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา ที่ระบุว่าแสงไฟต้องอยู่ในระดับต่ำ ใช้หลอดไฟที่มีคลื่นแสงยาว และมีอุปกรณ์ครอบหลอดไฟ เพื่อป้องกันไม่ให้แสงไฟส่องไปทางทะเล
นอกจากจะออกแบบอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อเต่าทะเลแล้ว ทีม Turtle Rangers ยังออกแบบโคโค่แลมป์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสนับสนุนเศรษฐกิจชุมชนอีกด้วย
“โคโค่แลมป์ผลิตจากเส้นใยมะพร้าวที่ได้จากชุมชน โดยมียางพาราเป็นตัวเชื่อมประสานและเคลือบด้วยซิลิกาจากแกลบข้าว ซึ่งยางพารามีคุณสมบัติในการเคลือบเส้นใยและยึดติดเส้นใย ทำให้วัสดุมีความแข็งแรง ยืดหยุ่น และทนทานต่อน้ำ ส่วนซิลิกาจากแกลบข้าวช่วยป้องกันน้ำ ฝุ่นละออง และคราบสกปรก โคโค่แลมป์จึงมีความคงทน ติดตั้งง่าย ใช้งานได้ในทุกสภาพแวดล้อม ราคาไม่แพง และที่สำคัญย่อยสลายได้ในธรรมชาติ” น.ส.มนพัทธ์สรุปจุดเด่นของนวัตกรรม
การติดตั้งและใช้งานโคโค่แลมป์นั้นไม่ยาก เพียงนำอุปกรณ์โคโค่แลมป์ไปครอบหลอดไฟบริเวณชายหาด ที่มีการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืนและมีรายงานการพบเต่าทะเลมาวางไข่ โคโค่แลมป์ก็จะช่วยเบนทิศทางของแสงไฟไม่ให้สาดหรือส่องไปทางทะเล
“การติดตั้งโคโค่แลมป์จะช่วยปรับสภาพแวดล้อมบริเวณชายหาดเหมาะสมกับการวางไข่และฟักตัวของเต่าทะเล และยังจะช่วยให้ลูกเต่าที่ฟักออกจากไข่คลานลงทะเลได้อย่างปลอดภัย”
นอกจากอุปกรณ์ครอบหลอดไฟแล้ว โคโค่แลมป์ยังมีการใช้ Line Chatbot เพื่อช่วยรวบรวมข้อมูลและประเมินผลการใช้งานของอุปกรณ์ภายหลังการติดตั้งและใช้งานจริงด้วย
“ผู้ใช้งานสามารถส่งข้อมูลและรายงานผลการติดตั้งและประสิทธิภาพของโคโค่แลมป์ผ่านทาง Line Chatbot ซึ่งจะทำให้มีการเก็บข้อมูลอย่างเป็นระบบเพื่อวิเคราะห์ผลการใช้งาน นอกจากนี้ Chatbot ยังสามารถให้ข้อมูลและคำแนะนำเกี่ยวกับการติดตั้งและการดูแลรักษาโคโค่แลมป์ด้วย”น.ส.มนพัทธ์ อธิบาย
ปัจจุบัน ทีม Turtle Rangers กำลังพัฒนาและทดสอบประสิทธิภาพของ “โคโค่แลมป์” ในห้องทดลอง ก่อนที่จะผลิตอุปกรณ์เพื่อนำไปติดตั้งในพื้นที่จริง ที่ได้สำรวจไว้แล้วเพื่อประเมินผลการใช้งาน
“ในอนาคต พวกเรามีแผนที่จะพัฒนาโคโค่แลมป์ให้เป็นธุรกิจ Start up และตั้งใจว่าจะออกแบบนวัตกรรมอื่น ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม” น.ส.มนพัทธ์กล่าวทิ้งท้าย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (03 ต.ค. 67)
Tags: คณะวิทยาศาสตร์, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โคโค่แลมป์, ไข่เต่าทะเล