กูรูเชื่อหลังเฟดลดดอกเบี้ยแรงพร้อมส่งซิกเดินหน้าลดดอกเบี้ยต่อเนื่องในปีนี้และปีหน้า จะทำให้นักลงทุนหันมาสนใจสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้นเพื่อหาผลตอบแทนที่สูงขึ้น ทำให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวต่อเนื่องของ Bitcoin ขึ้นมาแถว 62,000 ดอลลาร์สหรัฐได้อีกครั้ง จากที่พักฐานไปนานหลายเดือนลังขึ้นไปทำ All Time Hihg ครั้งก่อน รอบนี้ลุ้นยืนเหนือ 65,000 ดอลลาร์สหรัฐได้จะเป็นสัญญาณขาขึ้นไปต่อ ลุ้นโอกาสขึ้นไปทุบสถิติอีกครั้งในปลายปีนี้ ก่อนจะเข้าสู่ Bull Run ในปีหน้า
นายอภินัทธ์ เดชดอนบม นักวิเคราะห์ บริษัท คริปโตมายด์ แอดไวเซอรี่ จำกัด ให้มุมมอง Bitcoin Market Outlook หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ลดดอกเบี้ยลงมากถึง 0.50% ถือว่าค่อนข้างเหนือความคาดหมาย เนื่องจาก Bloomberg ระบุว่านักเศรษฐศาสตร์ 105 คนจาก 114 คนคาดว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยลงแค่ 0.25% ซึ่งในช่วงแรกตลาดหุ้นสหรัฐฯดีดขึ้นตอบรับแต่ก็กลับตัวร่วงลงมาปิดลบ ขณะที่ Bitcoin ที่ดีดขึ้นเช่นเดียวกันแต่ปิดบวกในช่วงเช้าได้อย่างแข็งแกร่ง
โดยนาย Jerome Powell ประธานเฟดให้สัมภาษณ์ว่า การลดดอกเบี้ยของเฟดในครั้งนี้ไม่ได้ช้าเกินไป ซึ่งเศรษฐกิจในภาพรวมยังดีอยู่ และเฟดมั่นใจว่าจะรับมือกับ Recession ได้ นายอภินันท์ ระบุว่า จากที่ติดตามสถานการณ์ในขณะนี้นักลงทุนก็ยังคงแบ่งเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งคิดว่าเฟดจะรับมือกับ Recession ได้อย่างที่มั่นใจ อีกฝ่ายหนึ่งก็มองว่าถ้าเศรษฐกิจยังดีอยู่ ทำไมต้องรีบลดดอกเบี้ยลงมาถึง 0.5% ซึ่งโดยปกติแล้วตลาดไม่ชอบความไม่แน่นอน คาดเดายาก การตัดสินใจลด 0.5% ดูจะทำให้ฝ่ายที่สงสัยมีมากกว่า
จาก Fed Dot Plot เป้าหมายของเฟดจะมีการลดดอกเบี้ยลงอีก 0.5% ในปีนี้ รวมเป็น 1% และในปี 68 คาดว่าจะปรับลดลงอีก 1% ซึ่งหากดูช่วงต่อไปในปี 69 หรือ Longer term ก็มีแนวโน้มจะลดลงอีกแค่ 0.5% หมายความว่าเฟดไม่ได้มองว่าจะต้องลดไปถึง 0% ทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐในปี 68 จะใกล้เข้าสู่จุดต่ำสุดแล้ว
และคาดว่ารัฐบาลสหรัฐจะเริ่มมีการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ว่าจะมาจากการทำ QE หรือด้วยมาตรการอื่นใดก็แล้วแต่ในช่วงปีหน้า ซึ่งจะเป็นผลดีกับสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะ Bitcoin และตลาดคริปโทเคอเรนซี่โดยรวม อาจจะได้เห็น Bull Run ในตลาดคริปโทฯ
แต่อย่างไรก็ตาม มุมมองก็อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ตามตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ที่ออกมา จึงต้องคอยติดตามอย่างใกล้ชิด รวมถึงเรื่องของการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐด้วย
นายอภินันท์ กล่าวว่า สำหรับสิ่งที่ต้องจับตาดูในอนาคตอันใกล้คือการตัดสินใจของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ โดยก่อนหน้านี้ BOJ ต้องการปรับขึ้นดอกเบี้ยแต่ขอรอดูการตัดสินใจของเฟดและผลกระทบต่อตลาดทุนก่อน ซึ่งหาก BOJ ตัดสินใจคงดอกเบี้ยก็จะเป็นผลดีต่อ Bitcoin แต่ถ้า BOJ ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยก็อาจจะทำให้ตลาดผันผวนได้ แต่เชื่อว่าไม่น่ากระทบมากนัก เนื่องจากคนที่ทำ Carry Trade เห็นสัญญาณจาก Black Monday และเตรียมการรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว
สรุปแล้วมองว่าในช่วงนี้ Bitcoin และตลาดคริปโทฯ น่าจะเริ่มฟื้น และทำให้ผู้คนหันมาสนใจมากขึ้นหลังจากพักตัวและปรับฐานไปนานหลายเดือน เนื่องจากการลดดอกเบี้ยเป็นสัญญาณให้คนเริ่มมองโอกาสหาผลตอบแทนจากสินทรัพย์เสี่ยง ในขณะที่หุ้นสหรัฐฯ เริ่มแพงแล้ว โดยเฉพาะหุ้นสายเทคโนโลยี ทำให้ Bitcoin และตลาดคริปโทฯ ที่มี Risk/Reward ที่ดีกว่าจะเริ่มได้รับความสนใจมากขึ้น
และเมื่อวันก่อน BlackRock ก็พึ่งออกรายงานเกี่ยวกับ Bitcoin โดยพวกเขามองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่สามารถปกป้องนักลงุทนจากนโยบายการเงินและการคลัง รวมถึงสงครามได้ ช่วยเสริมความเชื่อมั่นให้ Bitcoin เพิ่มขึ้นได้อีก ส่วนในระยะยาวถ้าหากสหรัฐไม่เกิด Recession ตามที่เฟดมั่นใจก็คาดว่าจะได้เห็นตลาดขาขึ้นของคริปโทฯ กลับมาอีกครั้งในปี 68
“Bitcoin ขึ้นไปทำ All Time High ในช่วงเดือนมีนาคมแล้วก็ปรับฐานลงมาในช่วง 6 เดือน การที่ Bitcoin ปรับตัวลงมาในเส้นโซน EMA50 ค่อนข้างเป็นเส้นที่แข็งแกร่งและรับอยู่ได้ดี ตอนนี้มีการปรับตัวขึ้นมาจากเส้น EMA50 ได้พอสมควรแล้ว มาอยู่ที่ 62,000 ดอลลาร์ เราคิดว่าถ้าในแท่ง Week นี้ขึ้นมาปิดยืนเหนือ 65,000 ดอลลาร์ได้จะเป็นสัญญาณว่า Bitcoin จะเป็นขาขึ้นในระยะสั้น และภายในปีนี้อาจจะปรับตัวขึ้นไปทำ All Time High”
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.ย. 67)
Tags: bitcoin, Crypto Insight, Cryptocurrency, SCOOP, คริปโทเคอร์เรนซี, สินทรัพย์ดิจิทัล, อภินัทธ์ เดชดอนบม