“ชัชวาลย์ เจียรวนนท์” ส่ง Lightnet ผนึก WeLab ชิง Virtual Bank ดึง “หม่อมเต่า” เป็นที่ปรึกษา

Lightnet Group บริษัทฟินเทคไทย ประกาศจับมือ WeLab ผู้นำด้าน Virtual Bank ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกยื่นขอใบอนุญาตจัดตั้งธนาคารไร้สาขา (Virtual Bank) จากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) โดยมุ่งนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์เทคโนโลยีการเงิน พร้อมโซลูชั่นชั้นนำที่สร้างความสำเร็จมาแล้วทั่วโลกมาสู่ประเทศไทย คาดว่าจะรับทราบผลการพิจารณาภายในช่วงกลางปี 68

แถลงการณ์ระบุว่า ด้วยประสบการณ์การบริหาร Virtual Bank ที่ประสบความสำเร็จในฮ่องกง และอินโดนีเซีย รองรับลูกค้ากว่า 65 ล้านราย ทางกลุ่มบริษัท Lightnet และ WeLab เข้าใจถึงความต้องการของผู้ใช้บริการและการปฏิบัติตามกฎระเบียบที่เข้มงวดของหน่วยงานกำกับดูแล การันตีด้วยใบอนุญาตการให้บริการทางการเงินกว่า 20 ใบ ทั้งในเอเชียและยุโรป รวมถึงประเทศไทยและด้วยเครือข่ายระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่สามารถเข้าถึงลูกค้าในไทยได้กว่า 46 ล้านราย วางแผนขยายการเข้าถึงผ่านนวัตกรรมทางเทคโนโลยีอันทันสมัย เพิ่มขีดความสามารถทางการเงินดิจิทัลที่ปลอดภัย ไร้รอยต่อตอบสนองความต้องการได้ดียิ่งขึ้น

ดังนั้น ทั้งสองบริษัทจึงประกาศเข้าร่วมยื่นขอใบอนุญาต Virtual Bank ด้วยวิสัยทัศน์ที่มุ่งสร้างการเงินแห่งอนาคตให้แก่ประเทศไทย โดยทั้ง 2 บริษัทหวังที่จะปฏิวัติบริการทางการเงินในประเทศไทยผ่านเทคโนโลยีขั้นสูงโดยจะนำความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ทางด้านฟินเทคมาใช้ในการสร้าง Virtual Bank และพร้อมที่จะนำโซลูชั่นชั้นนำระดับโลกมาสู่อุตสาหกรรมธนาคารไทย จุดแข็งที่โดดเด่นของกลุ่มบริษัท คือ การขับเคลื่อนระบบนิเวศ (Ecosystem) ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้า สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานไทยกว่า 46 ล้านราย ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อสร้าง AI-driven Virtual Bank ในประเทศไทย

ทั้งนี้ Lighthub Asset เป็นฟินเทคไทยที่ก่อตั้งโดยนายชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ร่วมกับ Lightnet Group ประกอบด้วยฐานลูกค้าในประเทศไทยกว่า 46 ล้านราย ครอบคลุมหลายภาคส่วนตั้งแต่กลุ่มเกษตรกรรม อาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงธุรกิจอีคอมเมิร์ซ พร้อมทั้งช่องทางให้บริการกว่า 150,000 จุดทั่วประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้า

โดย นายชัชวาลย์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง อิออน ธนสินทรัพย์ และ บล.ฟินันเซีย ไซรัส มีประสบการณ์กว่า 30 ปีในอุตสาหกรรมการเงินของไทยและต่างประเทศ อีกทั้งเป็นเจ้าของนิตยสารชื่อดังระดับโลกอย่าง Fortune Magazine

สำหรับ Lightnet Group เป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินแห่งอนาคตเพื่อช่วยยกระดับการเข้าถึงและเพิ่มประสิทธิภาพด้านการเงินให้ลูกค้าทั่วโลก ทางกลุ่มบริษัทได้รับใบอนุญาตการให้บริการทางการเงินจาก ธปท.และธนาคารกลางต่างๆ ในเอเชียและยุโรป

โดย Lightnet Group อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของลูกค้าหลากหลาย ผ่านธุรกรรมทางการเงินมูลค่ากว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐในแต่ละปี พร้อมให้บริการ Global Payment Solution ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินระหว่างประเทศ ดิจิทัลวอลเล็ท และบัญชี Virtual Bank รองรับหลากหลายสกุลเงินใน 150 ประเทศทั่วโลก ผ่านเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย เช่น AI และ Blockchain โดยได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ถือหุ้นอย่าง เช่น ยูโอบี เวนเจอร์ แมเนจเม้นท์ (UOB Venture Management) ธนาคารเซเว่น (Seven Bank) ฮันวา อินเวสเมนท์แอนด์ซีคิวรีตี้ (Hanwha Investment Securities) ยูนิ-เพรสซิเดนท์ (Uni-President) และสำนักงานบริหารทรัพย์สินราฟเฟิล (Raffles Family Office)

ด้าน WeLab คือ Virtual Bank ที่ให้บริการลูกค้ากว่า 65 ล้านรายในเอเชียแปซิฟิก อนุมัติสินเชื่อดิจิทัลมาแล้วกว่า 15,000 ล้านเหรียญสหรัฐ นำเสนอบริการทางการเงินดิจิทัลครบครัน ได้แก่ สินเชื่อผ่านระบบ Credit Scoring ล้ำสมัย โซลูชั่นเทคโนโลยีสำหรับองค์กร ไปจนถึงดิจิทัลแบงก์กิ้ง ครอบคลุมทุกด้าน อาทิ การออม การจ่ายเงิน สินเชื่อ ประกัน และการบริหารความมั่งคั่ง ด้วยความสำเร็จในการบริหาร Virtual Bank มาแล้วจาก Bank Saqu ในอินโดนีเซีย และ WeLab Bank ในฮ่องกงซึ่งได้รับรางวัลบริษัทที่มีนวัตกรรมเป็นเลิศ (Most Innovative Company) รวมถึงรางวัล Virtual Bank of the Year จึงเป็นที่ยอมรับ และเชื่อมั่นจากนักลงทุนชั้นแนวหน้าระดับโลกอย่าง Allianz, China Construction Bank International, International Finance Corporation (หนึ่งในสมาชิกของกลุ่มธนาคารโลกของ World Bank Group) กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของมาเลเซีย Khazanah Nasional Berhad กลุ่ม CK Hutchison’s TOM Group เป็นต้น

Lighthub และ WeLab ต่างมีความมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงินให้ครอบคลุมใน ทุกกลุ่ม นำเสนอบริการ Virtual Bank สำหรับทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่ม Unserved และ Underserved ซึ่งทางกลุ่มฯ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับผู้ประกอบอาชีพอิสระ (Freelance) และ กลุ่มเจ้าของกิจการ MSME ที่มักจะมีรายได้ที่ไม่แน่นอนและโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินจำกัด

สำหรับกลยุทธ์ของกลุ่มฯ แบ่งออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ส่งมอบคุณค่าให้ลูกค้าอย่างเป็นระบบ: เข้าถึง-เติบโต-มั่นคง เริ่มต้นจากการสร้างการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ทางการเงินในระบบอย่างเหมาะสมในทันที ผ่านเครื่องมือวางแผน AI จากนั้นจึงนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินที่ก่อให้เกิดรายได้สำหรับลูกค้ารายย่อยและ MSMEs เพื่อเสริมสร้างการเติบโต แล้วจึงนำเสนอผลิตภัณฑ์เพื่อสร้างความมั่งคั่งและประกันที่ออกแบบ มาอย่างเหมาะสมผ่านการประมวลผลของระบบ AI เพื่อนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว นำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย เปิดรับการเชื่อมต่อกับทุกพันธมิตร เพื่อส่งต่อคุณค่าแก่ลูกค้ากลุ่ม Unserved และ Underserved ทางกลุ่มฯนำเสนอเทคโนโลยีล้ำสมัย นำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ด้านเทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) มาใช้ในการพัฒนา Virtual Bank โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Analytics) การประมวลผลบนขอบเครือข่าย (Edge Computing) และเทคโนโลยีบริหารความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk Technologies)

นอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังมีโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ยืดหยุ่น และได้รับการพิสูจน์แล้วซึ่งจะช่วยให้สามารถพัฒนาบริการทางการเงินแบบฝังตัว (Embedded Finance) เพื่อประโยชน์ของลูกค้าและพันธมิตรทุกภาคส่วนซึ่งสามารถเชื่อมต่อห่วงโซ่อุปทานทางการเงินที่แข็งแกร่งของทางกลุ่มเข้ากับโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่มีความยืนหยุ่นและพร้อมเชื่อมกับทุกพันธมิตร เพื่อส่งมอบคุณค่าแก่ลูกค้ากลุ่ม Unserved และ Underserved ให้สามารถเข้าถึง ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีราคาสมเหตุสมผลมากขึ้น

ม.ร.ว. จัตุมงคล โสณกุล อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ในฐานะที่ปรึกษาของกลุ่มฯ กล่าวว่า ธปท.มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ การเปิดให้มีผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ระบบการเงินจะส่งเสริมให้เกิดการแข่งขัน และกระตุ้นให้เกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่ง Virtual Bank ของทางกลุ่มฯ มีวิสัยทัศน์ในทิศทางเดียวกับทาง ธปท.ที่จะมีการนำแนวทางและนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้ เพื่อส่งเสริมการเข้าถึงทางการเงิน และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนให้กับการเงินของประเทศไทย”

นายหิรัญกฤษฎิ์ (ตฤบดี) อรุณานนท์ชัย กรรมการบริหาร Lighthub Asset และผู้ร่วมก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร Lightnet Group กล่าวว่า กลุ่มพันธมิตรของเราต้องการนำเสนอ Virtual Bank ที่จะนำความเชี่ยวชาญในระดับโลกของเราในด้าน AI, Data Analytic, Digital Platform และนวัตกรรม Credit Scoring มาใช้เพื่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เหมาะสมกับกลุ่ม Unserved และ Underserved ซึ่งจะก่อให้เกิดการเข้าถึงทางการเงินที่ดียิ่งขึ้นและสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางการเงินและ AI ของภูมิภาคเอเชีย

นายไซมอน หลุง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร WeLab กล่าวว่า WeLab มีความตื่นเต้นที่จะได้ร่วมสร้าง Virtual Bank แห่งที่สามในเอเชีย และทำให้เป็น Virtual Bank ชั้นนำของไทย เพื่อส่งมอบคุณค่าให้ลูกค้าของเราทั้งในประเทศไทยและในเอเชียแปซิฟิก โดยมีเชื่อมั่นในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เปิดกว้างสำหรับพันธมิตรทุกรายเพื่อการทำงานร่วมกันเช่นเดียวกับประสบการณ์ที่เราทำงานร่วมกับพันธมิตรระดับโลก เช่น Apple, Tesla, Allianz และ CK Hutchison ในต่างประเทศ ซึ่งมุ่งมั่นที่จะผสานเทคโนโลยีและระบบธนาคารเข้าไปในชีวิตประจำวันของทุกคน และมีส่วนในการสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศไทย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (19 ก.ย. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top