กองทุน ETF บิตคอยน์ของสหรัฐฯ เผชิญกับกระแสเงินทุนไหลออกสุทธิรายวันติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่เริ่มจดทะเบียนในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่นักลงทุนหลีกเลี่ยงการลงทุนสินในสินทรัพย์เสี่ยงกันมากขึ้น ในช่วงเวลาที่ตลาดต่าง ๆ ทั่วโลกเผชิญกับความท้าทายอย่างมากในขณะนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักลงทุนได้ถอนเม็ดเงินลงทุนเกือบ 1.2 พันล้านดอลลาร์ออกจากกองทุน ETF บิตคอยน์จำนวน 12 แห่งในสหรัฐฯ ในช่วงเวลา 8 วันจนถึงวันที่ 6 ก.ย. โดยการถอนเม็ดเงินออกจากกองทุนดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ตลาดหุ้นและตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ดิ่งลงอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ตัวเลขจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดในสหรัฐฯ และข้อมูลที่บ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านเงินฝืดในจีน ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนและบรรยากาศการซื้อขายในตลาดคริปโทเคอร์เรนซี โดยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนส.ค.ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเพียง 142,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 164,000 ตำแหน่ง ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนส.ค.ของจีนปรับตัวขึ้น 0.6% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.7%
ราคาบิตคอยน์เผชิญกับแรงกดดันในเดือนก.ย. โดยราคาร่วงลงราว 7% อย่างไรก็ดี ราคาบิตคอยน์กระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และปรับตัวขึ้นราว 1% แตะที่ระดับ 54,870 ดอลลาร์ ณ เวลา 13.00 น.ตามเวลาสิงคโปร์ในวันนี้ (9 ก.ย.)
แคโรไลน์ มอรอน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทออบิต มาร์เก็ตส์ คาดการณ์ว่า ราคาบิตคอยน์จะเคลื่อนไหวในช่วง 53,000-57,000 ดอลลาร์ จนกว่าสหรัฐฯ จะเปิดเผยดัชนี CPI ในวันพุธนี้ (11 ส.ค.) โดยดัชนี CPI เป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้เกี่ยวกับแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 67)
Tags: bitcoin, Cryptocurrency, ETF, คริปโทเคอร์เรนซี, บิตคอยน์, สหรัฐ