ทำเนียบขาวจัดการประชุมกับบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เช่น อะเมซอน (Amazon) กูเกิล (Google) ไมโครซอฟท์ (Microsoft) และคลาวด์แฟลร์ (Cloudflare) พร้อมด้วยนักเคลื่อนไหวภาคประชาสังคม เมื่อวานนี้ (5 ก.ย.) โดยมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นให้บริษัทเหล่านี้จัดหาแบนด์วิดท์ที่มากขึ้นเพื่อสนับสนุนเครื่องมือที่ช่วยให้รัฐบาลสามารถหลีกเลี่ยงการเซ็นเซอร์ทางอินเทอร์เน็ตในบางประเทศได้
กองทุนโอเพนเทคโนโลยี (Open Technology Fund – OTF) องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลสหรัฐฯ พบว่า ปัจจุบันเครื่องมือเซ็นเซอร์ออนไลน์ถูกใช้งานเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในรัสเซีย อิหร่าน เมียนมา รวมไปถึงรัฐบาลต่าง ๆ ที่จำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตอย่างเข้มงวด
ลอรา คันนิงแฮม ประธานของ OTF กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า องค์กรจัดตั้งขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยนำเสนอบริการแบนด์วิดท์เซิร์ฟเวอร์ในราคาถูกเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วสำหรับการใช้งานเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN)
“เราพบว่าความต้องการ VPN พุ่งสูงขึ้นอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่มาจากผู้ใช้ในรัสเซียและอิหร่าน ตลอด 10 ปีเราสนับสนุนผู้ใช้ VPN ประมาณ 9 ล้านคนต่อเดือน แต่ปัจุบันตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า” คันนิงแฮมกล่าว
ทั้งนี้ VPN ช่วยให้ผู้ใช้ซ่อนตัวตนและเปลี่ยนตำแหน่งออนไลน์ของตนเอง ซึ่งบ่อยครั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการจำกัดการเข้าถึงเว็บไซต์ต่าง ๆ ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตที่ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ผู้ใช้งานนั้นอาศัยอยู่ หรือเพื่อหลบเลี่ยงเทคโนโลยีเซ็นเซอร์ของรัฐบาลด้วยการกำหนดเส้นทางการรับส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตผ่านเซิร์ฟเวอร์ภายนอกที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของรัฐบาล
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 ก.ย. 67)
Tags: สหรัฐ, อินเทอร์เน็ต