เทนเซ็นต์ โฮลดิงส์ (Tencent Holdings) และเน็ตอีส (NetEase) สองยักษ์ใหญ่แห่งวงการเกมของจีน กำลังพิจารณาปรับลดการลงทุนในญี่ปุ่น หลังจากที่ได้ทุ่มเงินจำนวนมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมาแต่ประสบความสำเร็จเพียงไม่กี่เกม ซึ่งการทบทวนดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะเดียวกันกับที่ตลาดเกมในประเทศจีนเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้นอีกครั้ง
แหล่งข่าววงในเปิดเผยกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า เน็ตอีสปลดพนักงานจำนวนมากที่บริษัทพัฒนาเกม โอโออุกะ สตูดิโอส์ (Ouka Studios) ในเขตชิบูย่า กรุงโตเกียว โดยเหลือพนักงานเพียงไม่กี่ราย และตั้งใจที่จะปิดสตูดิโอแห่งนี้ลง หลังเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่เมื่อปี 2563 พร้อมทั้งว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์จากบริษัทเกมยักษ์ใหญ่อย่างแคปคอม (Capcom) และบันได นัมโกะ (Bandai Namco) มาร่วมงาน แหล่งข่าวเผยด้วยว่า สำหรับพนักงานที่เหลืออยู่นั้น จะดูแลการเปิดตัวเกมสุดท้ายก่อนที่สตูดิโอจะปิดตัวลง
นอกจากนี้ แหล่งข่าวยังระบุด้วยว่า เทนเซ็นต์ ซึ่งเป็นคู่แข่งรายใหญ่ของเน็ตอีส กำลังทบทวนช่วงจังหวะและขนาดการลงทุนในญี่ปุ่นเช่นกัน โดยบริษัทได้ถอนตัวจากการลงทุนในการพัฒนาเกมใหม่หลายเกมแล้ว
ทั้งนี้ การตัดสินใจลดจำนวนพนักงานและค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่นเกิดขึ้นหลังจากทั้งเทนเซ็นต์และเน็ตอีสต่างทุ่มเงินลงทุนในตลาดเกมญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดใหญ่อันดับ 3 ของโลก โดยทั้งสองบริษัทพยายามหลีกหนีจากตลาดเกมในจีนที่ซบเซา และหันมาลงทุนในญี่ปุ่นนับตั้งแต่ปี 2563 ด้วยความหวังว่าจะสร้างเกมยอดนิยมเพื่อนำกลับไปประเทศจีน แต่ผลลัพธ์กลับไปเป็นอย่างที่ต้องการ
หนึ่งในข้อตกลงเด่นคือ เทนเซ็นต์ได้รับสิทธิ์พัฒนาและจำหน่ายเกม Blue Protocol ของบันไดในเวอร์ชันมือถือเมื่อปี 2566 โดยหวังว่าจะสร้างเป็นแฟรนไชส์ แต่ในสัปดาห์นี้ พันธมิตรในญี่ปุ่นเพิ่งประกาศว่าจะยุติการสนับสนุนเกมดังกล่าวในปี 2568
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ส.ค. 67)
Tags: จีน, เทนเซ็นต์ โฮลดิงส์, เน็ตอีส