สมาคมผู้เกษียณอายุชาวอเมริกัน (American Association of Retired Persons – AARP) เปิดเผยเมื่อวันพุธ (28 ส.ค.) ว่า ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป ชาวอเมริกันมากกว่า 1 ล้านคนจะประหยัดเงินได้มากกว่า 1,000 ดอลลาร์ต่อปี เมื่อมีการกำหนดเพดานค่าใช้จ่ายด้านยาตามใบสั่งแพทย์ในส่วนที่ผู้ป่วยต้องจ่ายเองไว้ที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อปี
มาตรการนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายลดเงินเฟ้อของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐฯ นั้น จะใช้กับโครงการประกันสุขภาพเมดิแคร์ (Medicare) สำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป และผู้ที่มีความพิการหรือทุพพลภาพ รวมถึงแผน Part D ของเมดิแคร์ที่ให้ความคุ้มครองยาตามใบสั่งแพทย์ ซึ่งครอบคลุมประมาณ 56 ล้านคน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สมาคม AARP ซึ่งสนับสนุนกฎหมายนี้ ได้มอบหมายให้ อาวาเลเร (Avalere) ที่ปรึกษาด้านสุขภาพ ทำการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ใหม่ และเผยแพร่รายงานผลการวิจัยเมื่อวันพุธ
AARP ระบุในรายงานว่า มาตรการกำหนดเพดานค่ายาที่ 2,000 ดอลลาร์จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในปี 2568 ให้แก่มากกว่า 3.2 ล้านคน หรือประมาณ 8.4% ของผู้ใช้ประโยชน์ของแผน Part D ซึ่งไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินอื่น ๆ
ทั้งนี้ นับการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญจากการดำเนินการก่อนหน้านี้ของระบบประกันสุขภาพเมดิแคร์แผน Part D โดยก่อนมีกฎหมายลดเงินเฟ้อนั้น ผู้รับประโยชน์ที่ไม่ได้รับเงินอุดหนุนสำหรับผู้มีรายได้ต่ำนั้นจะต้องจ่ายเงิน 5% ของค่ายา โดยไม่คำนึงว่าพวกเขาได้จ่ายเงินไปแล้วเท่าใด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 ส.ค. 67)
Tags: ค่ายา, โจ ไบเดน