นายพอล บูเช ประธานสหภาพแรงงานรถไฟแคนาดาทีมสเตอร์ส (Teamsters Canada Rail Conference) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า คำสั่งให้พนักงานรถไฟแคนาดากว่า 9,000 คนกลับเข้าทำงานนั้น ถือเป็นชัยชนะของฝ่ายบริษัทรถไฟ และอาจส่งผลกระทบต่อการเจรจาต่อรองในภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้การกำกับของรัฐบาลกลาง เช่น การบิน
คำสั่งดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่นายสตีเวน แม็กคินนอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานแคนาดา ยื่นคำร้องต่อคณะกรรมการอุตสาหกรรมแคนาดาสัมพันธ์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (22 ส.ค.) เพื่อยุติภาวะชะงักงันในการเจรจาระหว่างสหภาพฯ กับบริษัทการรถไฟแห่งชาติแคนาดา และกับบริษัทแคนาเดียนแปซิฟิก แคนซัสซิตี ซึ่งนำไปสู่การสั่งห้ามปิดงาน (lockout) ที่บริษัทรถไฟขนส่งสินค้ารายใหญ่ที่สุด 2 แห่งของประเทศ และบังคับให้เข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (24 ส.ค.)
แม้สหภาพฯ จะยินยอมปฏิบัติตามคำสั่งและกลับเข้าทำงานแล้ว แต่ก็ออกมาเตือนว่า คำสั่งนี้อาจนำไปสู่การที่สัญญาจ้างงานในอนาคตถูกกำหนดหรือบังคับใช้โดยฝ่ายอื่น และเป็นการบั่นทอนอำนาจต่อรองของพนักงาน
นายบูเชกล่าวว่า สหภาพฯ จะร่วมมือกับกลุ่มแรงงานอื่น ๆ ในการยื่นฟ้องศาลเพื่อคัดค้านคำตัดสินดังกล่าว
“ช่วงเวลาทางประวัติศาสตร์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด ถึงขนาดที่แรงงานจำเป็นต้องเข้ามามีส่วนร่วม และพวกเขาก็จะทำแน่ ๆ” นายบูเชกล่าว
ด้านบริษัทรถไฟทั้งสองกล่าวว่ากำลังเร่งฟื้นฟูการให้บริการ ขณะที่สหภาพฯ ได้ยกเลิกแผนนัดหยุดงานที่บริษัทการรถไฟแห่งชาติแคนาดาในวันนี้ แต่ยังคงเดินหน้าเตรียมยื่นอุทธรณ์คำตัดสินต่อศาลรัฐบาลกลาง
ทั้งนี้ ข้อพิพาทระหว่างสหภาพฯ กับสองบริษัทรถไฟนำไปสู่การปิดงานเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทั้งสองบริษัท ส่งผลให้เกิดการหยุดชะงักครั้งใหญ่อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจนเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจแคนาดาที่พึ่งพาการส่งออก โดยเฉพาะภาคธุรกิจการเกษตรที่ออกมาเรียกร้องมาตรการเยียวยา
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 ส.ค. 67)
Tags: สหภาพแรงงาน, แคนาดา