นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน กล่าวถึงการที่ยังไม่มีคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า อาจทำให้งานสภาฯ บางอย่างชะงักลงไปบ้าง เพราะอาจมีข้อกังวลเกี่ยวกับข้อกฎหมายว่า ครม.รักษาการ ทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นเรื่องของราชการที่ต้องตรวจสอบความแน่นอน หากบางอย่างไม่ชัดเจนก็คงไม่อยากให้ดำเนินการต่อ
นอกจากนี้ หวังว่านายกรัฐมนตรีคนใหม่ ควรให้เกียรติสภา ให้เกียรติตัวแทนของประชาชน เข้ามาสภาฯ เพื่อตอบกระทู้ ให้สส.ตรวจสอบการทำงานและตั้งคำถามที่สำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ
สำหรับตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ที่ยังว่างอยู่นั้น นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ควรจะมีโดยเร็วเพราะการมีแค่ประธาน และรองประธานสภาคนที่ 2 สลับกันทำหน้าที่ในวันที่มีการประชุมยาวนานทั้ง 2 ก็ทำงานหนักเหมือนกัน จึงคิดว่า ต้องมีคนมาช่วยทำหน้าที่และในที่ประชุม และงานที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาคนที่ 1 ทำค้างไว้ก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการต่อ และรองประธานสภาคนที่ 1 ยังมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องร่างกฎหมายต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเกี่ยวพันกับการประชุมสภาฯ โดยตรง รวมถึงระบบไอทีของสภาฯ ด้วยที่นายปดิพัทธ์ทำไว้ ก็ควรจะมีคนมารับช่วงงานนี้ต่อ
เมื่อถามว่าพรรคประชาชน เตรียมส่งนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ เป็นแคนดิเดทชิงตำแหน่งใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วนก่อน ส่วนแรกคือจะส่งหรือไม่ส่ง เรายังไม่ได้ตัดสินใจ 100% ว่าจะส่งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา โดยเฉพาะการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้าน ตนคิดว่าคงต้องดูจังหวะเวลา ณ ตอนนั้น ว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไรที่จะส่งคนชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง
ส่วนที่ 2 คือจะส่งใคร พรรคประชาชนก็ยังไม่ได้สรุป มีการหยิบยกชื่อในวง สส. ว่ามีชื่อใดบ้างที่มีความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้ก็เหลือประมาณ 3-4 ชื่อ ที่หยิบยกขึ้นมาคุยกัน ยังไม่ได้มีความชัดเจนใด ๆ
เมื่อถามว่า จะติดข้อกฎหมายหรือไม่ ระหว่างที่จะต้องเลือกผู้นำฝ่ายค้าน กับรองประธานสภาคนที่ 1 เพราะอาจเสียตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งไป นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า สิ่งที่ตนพูดคือการที่จะส่งหรือไม่ส่ง ชิงรองประธานสภาคนที่ 1 ต้องดูจังหวะเวลาว่าในการเสนอผู้นำฝ่ายค้าน ไปถึงไหนแล้ว เพราะตอนนี้เอกสารจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ต้องยืนยันกลับมายังสภาฯ ว่า เราคือสส.พรรคประชาชน กกต.ยังไม่ส่งกลับมา ดังนั้นยังไม่มีอะไรเป็นทางการทั้งสิ้น
ส่วนจะต้องเลือกหรือไม่ระหว่างรองประธานสภาคนที่ 1 กับผู้นำฝ่ายค้านนั้น เราต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และถ้ามองย้อนกลับไปในอดีตมีหลายครั้ง ที่มีพรรคชัดเจนด้วยตัวเองอยู่แล้วว่ากำลังจะเป็นฝ่ายค้าน และได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน แต่ก็ส่งชื่อแข่งชิงประธานสภาฯ หรือรองประธานสภาฯ ด้วย เพื่อแข่งกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติของสภาฯ เพราะมองเห็นว่าใครที่อาจจะมีความเหมาะสมมากกว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อมา แม้เราเป็นเสียงส่วนน้อยโหวตไปอย่างไรก็แพ้
ดังนั้น จึงต้องมีจุดยืนบางอย่างที่เราจะต้องยืนยัน โดยเฉพาะสิ่งที่นายปดิพัทธ์ทำไว้ ประชาชนสามารถมองออกได้ว่า ไม่เคยมีรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 คนไหน ใช้อำนาจหน้าที่ เพื่อทำในสิ่งที่นายปดิพัทธ์ทำ จึงมองว่าควรจะสานต่อเพื่อประโยชน์ของสภาฯ
กล่าวถึงการทำงานในสภาฯ ของฝ่ายค้านหลังได้นายกฯคนใหม่ ว่า วาระการประชุมในวันพฤหัสบดีนี้ ประธานสภาไม่ได้บรรจุวาระกระทู้ถาม เข้าใจว่าคงไปปรึกษาหารือถึงข้อกฎหมายต่าง ๆ และอาจจำเป็นต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ชุดใหม่ เข้ามาแถลงนโยบายต่อรัฐสภาก่อน ถึงจะพิจารณาวาระกระทู้ถามได้
ทั้งนี้ หวังว่านายกฯ คนใหม่มาตอบกระทู้ เพราะเห็นว่านายกรัฐมนตรีต้องยึดโยงกับสภาฯ ที่เป็นอำนาจในระนาบเดียวกัน นายกฯ ก็ควรที่จะเข้ามาสภาฯ เพื่อให้สส.ตรวจสอบการทำงาน และตั้งคำถามที่สำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ จึงคาดหวังว่านายกฯ คนใหม่จะเข้ามาต่อกระทู้ และให้เกียรติสภาฯ ให้เกียรติตัวแทนของประชาชน
เมื่อถามว่าการที่ยังไม่มีครม.และรองประธานสภาคนที่ 1 จะทำให้งานสภาฯ ชะงักหรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ถ้ายังไม่มีครม.อาจทำให้งานสภาฯ บางอย่างชะงักลงไปบ้าง บางเรื่องเรายืนยันว่าทำต่อได้ แต่อาจจะมีข้อกังวลเกี่ยวกับข้อกฎหมาย ว่า ครม.รักษาการ ทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งเป็นเรื่องของราชการที่ต้องตรวจสอบความแน่นอน หากบางอย่างไม่ชัดเจนก็คงไม่อยากให้ดำเนินการต่อ
สำหรับตำแหน่งรองประธานสภาคนที่ 1 ที่ยังว่างอยู่นั้น ตนคิดว่าควรจะมีโดยเร็วเพราะการมีแค่ประธาน และรองประธานสภาคนที่ 2 สลับกันทำหน้าที่ในวันที่มีการประชุมยาวนานทั้ง 2 ก็ทำงานหนักเหมือนกัน จึงคิดว่า ต้องมีคนมาช่วยทำหน้าที่และในที่ประชุม และงานที่นายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาคนที่ 1 ทำค้างไว้ก็จำเป็นที่จะต้องดำเนินการต่อ และรองประธานสภาคนที่ 1 ยังมีหน้าที่รับผิดชอบเรื่องร่างกฎหมายต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเกี่ยวพันกับการประชุมสภาฯ โดยตรง รวมถึงระบบไอทีของสภาฯ ด้วยที่นายปดิพัทธ์ทำไว้ ก็ควรจะมีคนมารับช่วงงานนี้ต่อ
เมื่อถามว่าพรรคประชาชน เตรียมส่งนายสิทธิพล วิบูลย์ธนากุล สส.บัญชีรายชื่อ เป็นแคนดิเดตชิงตำแหน่งใช่หรือไม่ นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วนก่อน ส่วนแรกคือจะส่งหรือไม่ส่ง เรายังไม่ได้ตัดสินใจ 100% ว่าจะส่งหรือไม่ ขึ้นอยู่กับจังหวะเวลา โดยเฉพาะการแต่งตั้งผู้นำฝ่ายค้าน ตนคิดว่าคงต้องดูจังหวะเวลา ณ ตอนนั้น ว่าเหมาะสมหรือไม่อย่างไรที่จะส่งคนชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง
ส่วนที่ 2 คือจะส่งใคร พรรคประชาชนก็ยังไม่ได้สรุป มีการหยิบยกชื่อในวง สส. ว่ามีชื่อใดบ้างที่มีความเหมาะสม ซึ่งตอนนี้ก็เหลือประมาณ 3-4 ชื่อ ที่หยิบยกขึ้นมาคุยกัน ยังไม่ได้มีความชัดเจนใด ๆ
เมื่อถามว่า จะติดข้อกฎหมายหรือไม่ ระหว่างที่จะต้องเลือกผู้นำฝ่ายค้าน กับรองประธานสภาคนที่ 1 เพราะอาจเสียตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งไป นายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่าสิ่งที่ตนพูดคือการที่จะส่งหรือไม่ส่ง ชิงรองประธานสภาคนที่ 1 ต้องดูจังหวะเวลาว่าในการเสนอผู้นำฝ่ายค้าน ไปถึงไหนแล้ว เพราะตอนนี้เอกสารจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ต้องยืนยันกลับมายังสภาฯ ว่าเราคือสส.พรรคประชาชน กกต.ยังไม่ส่งกลับมา ฉะนั้นขนาดนี้ยังไม่มีอะไรเป็นทางการทั้งสิ้น
ส่วนจะต้องเลือกหรือไม่ระหว่างรองประธานสภาคนที่ 1 กับผู้นำฝ่ายค้านนั้น เราต้องการตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน และถ้า มองย้อนกลับไปในอดีตมีหลายครั้ง ที่มีพรรคชัดเจนด้วยตัวเองอยู่แล้ว ว่ากำลังจะเป็นฝ่ายค้าน และได้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านแต่ก็ส่งชื่อแข่งชิงประธานสภา หรือรองประธานสภาด้วย เพื่อแข่งกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งตนคิดว่าเป็นเรื่องปกติของสภาฯ เพราะมองเห็นว่าใครที่อาจจะมีความเหมาะสมมากกว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลส่งรายชื่อมา แม้เราเป็นเสียงส่วนน้อยโหวตไปอย่างไรก็แพ้
ดังนั้น จึงต้องมีจุดยืนบางอย่างที่เราจะต้องยืนยัน โดยเฉพาะสิ่งที่นายปดิพัทธ์ทำไว้ ประชาชนสามารถมองออกได้ว่า ไม่เคยมีรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 คนไหน ใช้อำนาจหน้าที่ เพื่อทำในสิ่งที่นายปดิพัทธ์ทำ จึงมองว่าควรจะสานต่อเพื่อประโยชน์ของสภาฯ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 67)
Tags: การเมือง, คณะรัฐมนตรี, ครม., ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล, พรรคประชาชน