สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการ ก.ล.ต. มีมติเห็นชอบการปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแล utility token พร้อมใช้ เพื่อให้การกำกับดูแล สอดคล้องกับลักษณะ ความเสี่ยง และการใช้งานของ utility token พร้อมใช้ แต่ละประเภท โดยมีกลไกคุ้มครองผู้ซื้อขายที่เพียงพอเหมาะสม ในขณะที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการนำเทคโนโลยีมาใช้ในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม การพัฒนานวัตกรรม และการส่งเสริมนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ
ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยผู้แสดงความเห็นส่วนใหญ่เห็นด้วยกับหลักการและร่างประกาศตามที่เสนอ ก.ล.ต. จึงออกประกาศเพื่อปรับปรุงหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการกำกับดูแล utility token พร้อมใช้ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1. การกำกับดูแลการออกเสนอขายโทเคนดิจิทัลในตลาดแรก กำหนดให้ utility token พร้อมใช้ที่มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อการอุปโภคบริโภค หรือเป็นการรับรอง (certificate) หรือแทนเอกสารสิทธิใด ๆ (utility token พร้อมใช้ กลุ่มที่ 1 ได้รับยกเว้นไม่ต้องขออนุญาตเสนอขาย
ในขณะที่ utility token พร้อมใช้ ลักษณะอื่นที่นอกเหนือจากกลุ่มที่ 1 (utility token พร้อมใช้ กลุ่มที่ 2 ซึ่งมีความประสงค์จะนำไปจดทะเบียนซื้อขาย (list) ในศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต. ต้องได้รับอนุญาตให้เสนอขายจาก ก.ล.ต. และเปิดเผยข้อมูลตามที่กำหนด ซึ่งประกอบด้วยการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายโทเคนดิจิทัล (แบบ filing) และร่างหนังสือชี้ชวน และต้องเสนอขายผ่านผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO portal) ที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต.
ทั้งนี้ utility token ทุกประเภท ผู้ออกโทเคนดิจิทัลจะต้องไม่มีการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลเพื่อให้สิทธิประโยชน์แก่ผู้ถือโทเคนดิจิทัล (staking) เว้นแต่เป็นการ stake ตามที่กำหนดและ utility token ดังกล่าว ต้องไม่มีลักษณะเป็น Means of Payment (MOP) ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด
2. การกำกับดูแลตลาดรอง กำหนดให้การบริการเกี่ยวกับ utility token กลุ่มที่ 1 ไม่ว่าจะพร้อมใช้หรือไม่พร้อมใช้ ไม่ถือเป็นการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล จึงห้ามศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล นายหน้าซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล และผู้ค้าสินทรัพย์ดิจิทัล ให้บริการเกี่ยวกับ utility token ดังกล่าว
หากผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าว มีความประสงค์จะให้บริการเกี่ยวกับ utility token กลุ่มที่ 1 ไม่ว่าจะพร้อมใช้หรือไม่พร้อมใช้ ในฐานะการประกอบกิจการอื่น จะต้องแยกนิติบุคคลในการให้บริการ และไม่ใช้ชื่อหรือข้อความที่ทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ก.ล.ต.
นอกจากนี้ ยังปรับปรุงแนวทางการกำกับดูแลศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล เพื่อเพิ่มกลไกการกำกับดูแลและลดข้อกังวลในเรื่องการสร้างราคาในตลาดรอง รวมทั้งยกระดับการเปิดเผยข้อมูลเพื่อคุ้มครองผู้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล
การออกประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ดังกล่าว ได้ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาและมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคม 2567 เป็นต้นไป โดยหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการยกระดับการกำกับดูแลศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลจะเริ่มมีผลใช้บังคับภายหลังจากประกาศที่เกี่ยวข้องมีผลใช้บังคับ 90-180 วัน (แล้วแต่เรื่อง) เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจมีเวลาเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติตามกฎเกณฑ์
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 ส.ค. 67)
Tags: ก.ล.ต.