KCC ไตรมาส 2/67 โชว์กำไรพุ่ง 44% QoQ เดินหน้าซื้อหนี้เติมพอร์ตหนุนโตยาว

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง (KCC) แจ้งผลประกอบการงวดไตรมาส 2/67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44% จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีกำไรสุทธิ 16 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท หนุนให้งวดครึ่งแรกปี 67 บริษัทมีกำไรสุทธิ 39 ล้านบาท

เป็นผลจากรายได้จากการดำเนินงานรวมเติบโตขึ้น โดยไตรมาส 2 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%จากไตรมาสก่อนหน้าที่มีรายได้ 43 ล้านบาท และเพิ่มขึ้น 32% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 38 ล้านบาท ส่วนงวดครึ่งปีมีรายได้ 92 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7% เทียบงวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีรายได้ 86 ล้านบาท

นายทวี กล่าวว่า ไตรมาส 2/67 บริษัทมีเงินรับรวม 116 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจาก NPL คิดเป็นสัดส่วน 77% ของเงินรับทั้งหมด โดยสัดส่วนเงินรับจาก NPA เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมียอดขาย NPA เพิ่มมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการจัดเก็บหนี้ทั้ง NPL และ NPA

โดยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เงินรับรวมเพิ่มขึ้น 9% หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 10 ล้านบาท แม้ว่าในไตรมาสนี้จะไม่มีเงินรับจากธุรกิจให้บริการบริหาร NPL แต่จะเห็นได้ว่ากลุ่มบริษัทมีเงินรับจากธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท คือ รับชำระหนี้ และขาย NPA ได้มากขึ้นในสัดส่วน 5% และ 238% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เงินรับทั้งจาก NPL และ NPA เพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูง ทั้งจากการรับเงินจากการขายหลักประกันในกรมบังคับคดี รับเงินจากสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ รวมทั้งการขาย NPA

ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนหนี้ NPLต่อเนื่อง เพื่อ ขยายพอร์ตลูกหนี้ NPLs ไตรมาส 2/67 บริษัทฯลงทุนซื้อ NPL เพิ่มขึ้นจำนวน 412 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรกของปี 67 บริษัทฯลงทุนในพอร์ตใหม่แล้วทั้งสิ้น 463 ล้านบาท ทำให้ ณ มิ.ย.67 พอร์ตลูกหนี้ของบริษัททะลุ 2,000 ล้านบาท

ขณะที่ในส่วนของสินทรัพย์ ณ วันที่ 30 มิ.ย.67 บริษัทมีสินทรัพย์รวมเท่ากับ 2,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 66 จำนวน 419 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 18% โดยมีสาเหตุหลักมาจากพอร์ตลงทุน NPL เพิ่มขึ้น 322 ล้านบาท หรือ 17% จากบริษัทซื้อลูกหนี้เพิ่มขึ้น 463 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม มีการปิดบัญชีลูกหนี้ในงวดจึงมีการลดลงของ NPL บางส่วน และการเพิ่มขึ้นของทรัพย์รอการขาย (NPA) เพิ่มขึ้น 60 ล้านบาท หรือ 54% เนื่องจากมีการรับโอนทรัพย์สินรอการขายที่เกิดจากการประมูลซื้อหลักประกันของลูกหนี้ในกรมบังคับคดีในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น

สำหรับภาระหนี้สิน บริษัทมีหนี้สินรวมเท่ากับ 1,562 ล้านบาท โดยหนี้สินส่วนใหญ่เป็นหุ้นกู้ และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน โดย YTD หนี้สินเพิ่มขึ้น 36% เนื่องมีการออกหุ้นกู้เพิ่มในงวด 431 ล้านบาท และมีภาษีเงินได้นิติบุคคลค้างจ่ายเพิ่มขึ้นจากการดำเนินงาน

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KCC กล่าวว่า ทิศทางครึ่งหลังของปียังคงเดินหน้าลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพให้ได้ตามเป้าหมาย โดยประเมินว่า ปีนี้ทั้งปีสถาบันการเงินจะนำหนี้ออกมาประมูลต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมในการเข้าประมูลเพราะได้มีการเตรียมสภาพคล่องไว้รองรับ ขณะเดียวกันการทรานฟอร์มเป็นโฮลดิ้ง คอมพานีที่เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้วจะทำให้บริษัทประมูลหนี้ได้ในขอบเขตที่กว้างขึ้น

นอกจากนี้ล่าสุดคณะกรรมมีมติอนุมัติตั้งบริษัทย่อย ขึ้นมาโดย KCC ถือหุ้น 100% ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 นี้ เพื่อประกอบธุรกิจรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัทขยายขอบเขตการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้มีความหลากหลายมากขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 ส.ค. 67)

Tags: , , ,
Back to Top