หลังจากที่สหรัฐประกาศตัวเลขหนี้สาธารณะที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์กว่า 35 ล้านล้านดอลลาร์ เหตุการณ์นี้ทำให้ประชาชนเริ่มกังวลทั้งภาวะหนี้ และความน่าเชื่อถือของค่าเงินดอลลาร์ (Fiat Money) ที่ดูจะเสื่อมมูลค่าลงไปทุกที คนทั่วไปเริ่มมองหาสินทรัพย์ใหม่ที่สามารถคงมูลค่า เม็ดเงินก็ย่อมไหลจากตลาดที่ให้ผลตอบแทนที่ต่ำ ไปสู่ตลาดที่ให้ผลตอบแทนสูงเสมอ
หรือว่านี่จะเป็นเวลาของบิทคอยน์!?
เป็นที่รู้กันว่าตอนนี้ หนี้สาธารณะของสหรัฐพุ่งทะลุ 35 ล้านล้านดอลลาร์เป็นที่เรียบร้อย ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ยที่พุ่งสูงขนาดนี้ และสหรัฐเองก็ยกเลิกการเก็บทองคำเป็น Reserve นานมาแล้วด้วย
และช่วงเวลาเช่นนี้เองที่นักลงทุนมักมองหาสินทรัพย์ที่กระจายความเสี่ยงของค่าเงินดอลลาร์ เช่น ทองคำ พันธบัตรรัฐบาล หรือแม้แต่บิทคอยน์
แถมล่าสุด ในงาน Nashville Bitcoin Conference 2024 วุฒิสมาชิก Cynthia Lummis ของสหรัฐฯ ได้เสนอร่างกฎหมายให้รัฐบาลสหรัฐฯ ซื้อ Bitcoin 5% ของอุปทานทั้งหมด (21 ล้าน BTC) และถือไว้เป็นเวลาอย่างน้อย 20 ปี เพื่อเป็นทางออกในการแก้วิกฤตหนี้ของสหรัฐ
นอกจากนี้ Cynthia Lummis ได้อธิบายว่าหากผ่านร่างกฎหมาย แผนดังกล่าวจะใช้เวลา 5 ปี โดยมีเป้าหมายให้รัฐบาลสหรัฐฯ ซื้อ Bitcoin จำนวน 1 ล้าน BTC ซึ่งตอนนั้นที่เขาพูด หากเทียบราคาบิทคอยน์ในขณะนั้นจะต้องใช้เงินประมาณ 68,100 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
แต่เราจะเชื่อคำพูดนักการเมืองได้แค่ไหน??
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE เปิดทางให้ประชาชนในประเทศสามารถซื้อขาย Bitcoin และ Ethereum ผ่านบัญชีธนาคารของตัวเองได้แล้ว
งานนี้ทาง M2, Exchange เจ้าดังได้ประกาศว่าบริการใหม่นี้ จะทำการแปลงเงินสกุลเงิน Dirhams (AED) ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักของ UAE เป็น Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ได้โดยตรง ผ่านคู่เทรดแบบ SPOT แถมยังสามารถ ฝากและถอนเป็นสกุลเงิน Dirhams (AED) ได้อีกด้วย
ถือว่าเป็นก้าวสำคัญในวงการคริปโทฯ และต้องบอกก่อนว่าบริการของ M2 นี้ได้รับการกำกับดูแลโดยรัฐบาลของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งเขากล่าวอ้างว่า เป็นหนึ่งใน “กรอบการกำกับดูแลที่เข้มงวดที่สุดในโลก” และให้ความสำคัญกับการคุ้มครองผู้บริโภคอย่างที่สุด
Grayscale บริษัทจัดการการลงทุนในสหรัฐ ที่ให้ความสนใจกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างชัดเจน ล่าสุดได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ “Bitcoin Mini Trust ETF” ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อแจกจ่ายหุ้นให้กับผู้ถือหุ้น Grayscale Bitcoin Trust (GBTC) เดิม โดยมีแผนที่จะโอน Bitcoin บางส่วนมาในกองทุนนี้ด้วย
หากเข้าไปดูข้อมูล Onchain จะพบว่าทาง Grayscale ได้โยก AUM ของ Bitcoin ETF กว่า 10% เข้าไปในกอง Bitcoin Mini Trust แล้วด้วย
หลายคนอาจจะนึกภาพไม่ออกว่า Bitcoin Mini Trust ETF คืออะไร พูดง่าย ๆ ก็คือ Bitcoin Spot ETF ที่มีการ spin-off ออกมานั่นเอง
นอกจากนี้ทาง Grayscale ก็ยังมีแผนจะนำกองทุนขนาดเล็กนี้ มาใช้กับผลิตภัณฑ์ Ethereum ด้วยเช่นกัน ซึ่งตอนนี้ทาง SEC สหรัฐ ได้อนุมัติ Grayscale Ethereum Mini Trust แล้วด้วย และคาดว่าจะเริ่มซื้อขายบน NYSE ในเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ ตัว Bitcoin ETF ของ Grayscale คิดค่าธรรมเนียมแพงกว่าบริษัทจัดการกองทุนเจ้าอื่นค่อนข้างมาก โดยคิดในอัตราสูงถึง 1.5% แต่ตัว Bitcoin Mini Trust ETF คิดค่าธรรมเนียมเพียงแค่ 0.15% เท่านั้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ส.ค. 67)
Tags: Cryptocurrency, CryptoShot, SCOOP, คริปโทเคอร์เรนซี, สินทรัพย์ดิจิทัล