ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด หรือ “โจโควี” เปิดเผยว่า อินโดนีเซียได้เปิดตัวโครงการวีซ่าระยะยาวแล้วในวันนี้ (25 ก.ค.) โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ พร้อมโอกาสในการเข้าถึงตลาดเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สำหรับ “วีซ่าทองคำ (Golden Visa)” ระยะเวลา 5 ปี กำหนดให้นักลงทุนรายบุคคลต้องจัดตั้งบริษัทมูลค่าอย่างน้อย 2.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่วีซ่า 10 ปี กำหนดขั้นต่ำที่ 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
สำหรับนักลงทุนที่ไม่ต้องการจัดตั้งบริษัท สามารถเลือกลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล หุ้นบริษัทมหาชน หรือฝากเงิน โดยกำหนดวงเงินลงทุนขั้นต่ำไว้ที่ 350,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับวีซ่า 5 ปี และ 700,000 ดอลลาร์สหรัฐสำหรับวีซ่า 10 ปี
สำหรับนักลงทุนที่เป็นบริษัท หากต้องการวีซ่า 5 ปีให้กับกรรมการและผู้บริหาร จะต้องลงทุนอย่างน้อย 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และหากต้องการวีซ่า 10 ปี ก็ต้องลงทุนถึง 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐขึ้นไป
สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอินโดนีเซียเปิดเผยว่า หากนักลงทุนเลือกลงทุนในเมืองหลวงแห่งใหม่ “นูซันตารา” ซึ่งกำลังก่อสร้างอยู่ในป่าบนเกาะบอร์เนียวด้วยงบประมาณมหาศาลถึง 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น จะได้รับวีซ่า 5 ปี เมื่อลงทุนอย่างน้อย 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และวีซ่า 10 ปี เมื่อลงทุนอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบัน มีหลายประเทศที่เสนอโครงการวีซ่านักลงทุนในลักษณะเดียวกันนี้ แต่บางประเทศ เช่น แคนาดา อังกฤษ และสิงคโปร์ ได้ยกเลิกโครงการดังกล่าวไปแล้ว เนื่องจากรัฐบาลมองว่าไม่ได้ช่วยสร้างงาน และอาจกลายเป็นช่องทางให้นักลงทุนนำเงินร้อนเข้ามาเก็งกำไรในประเทศได้
ปธน.โจโควีกล่าวว่า วีซ่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อดึงดูด “นักเดินทางคุณภาพดี” เข้าประเทศ
“เราเปิดตัววีซ่าทองคำนี้เพื่อเปิดโอกาสให้ชาวต่างชาติเข้ามาลงทุนและมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศอินโดนีเซียได้สะดวกยิ่งขึ้น” ปธน.โจโควีกล่าว
นายซิลมี คาริม หัวหน้าสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองอินโดนีเซียแถลงว่า นับตั้งแต่เริ่มทดลองโครงการเมื่อปีที่แล้ว อินโดนีเซียได้อนุมัติวีซ่าทองคำให้กับผู้สมัครไปแล้วเกือบ 300 ราย โดยสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนเข้าประเทศได้ถึง 123 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายซิลมียังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางการอินโดนีเซียกำลังหารือกันถึงวิธีการมอบสถานะพิเศษให้กับชาวต่างชาติเชื้อสายอินโดนีเซีย โดยอ้างอิงรูปแบบจากโครงการ “คนอินเดียโพ้นทะเล” หรือ OCI ของอินเดีย ซึ่งอนุญาตให้ชาวต่างชาติเชื้อสายอินเดียสามารถเดินทางเข้าประเทศ ทำงาน และอาศัยอยู่ในอินเดียได้อย่างไม่มีกำหนด โดยนายซิลมีคาดว่าจะสามารถออกวีซ่าประเภทนี้ได้ภายในเดือนต.ค.นี้
นายซิลมีกล่าวว่า แผนดังกล่าวมีขึ้นเพื่อตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องของชาวอินโดนีเซียที่ต้องการถือหนังสือเดินทางได้มากกว่าหนึ่งเล่ม
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ก.ค. 67)
Tags: VISA, วีซ่า, วีซ่าทองคำ, อินโดนีเซีย, เศรษฐกิจอินโดนีเซีย, โจโก วิโดโด