โบรกเกอร์แนะนำ”ซื้อ”หุ้น บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) จากแผนการพัฒนาโครงการ 5 ปี (63-67) แบ่งเป็น ศูนย์การค้าแห่งใหม่ 15 แห่งในประเทศไทย และ 2 แห่งในต่างประเทศ , อาคารสำนักงาน 2 แห่ง, โรงแรม 10 แห่ง และโครงการที่อยู่อาศัย 30 แห่ง ซึ่งน่าจะส่งผลทำให้รายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่ปีนี้คาดรับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากอง CPNREIT ซึ่งน่าจะดำเนินการได้ในไตรมาส 2/63 คาดว่าจะรับรู้กำไรพิเศษราว 4,000-5,000 ล้านบาท ทำให้คาดว่าจะมีการจ่ายปันผลพิเศษบางส่วนออกมาด้วย
หุ้น CPN พักเที่ยงอยู่ที่ 63 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท หรือ 0.80% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.12%
นายสรพงษ์ จักรธีรังกูร ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า CPN มีแผนเพิ่มสาขาศูนย์การค้าแห่งใหม่ 15 แห่งในประเทศไทย และ 2 แห่งในต่างประเทศ, อาคารสำนักงานอีก 2 แห่ง, โรงแรม 10 แห่ง และโครงการที่อยู่อาศัย 30 แห่ง ตั้งแต่ปี 63-67 สะท้อนให้เห็นว่าการพัฒนาโครงการใหม่ของ CPN จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวในช่วง 5 ปีข้างหน้า ช่วยเพิ่มสัดส่วนพื้นที่เช่าของร้านค้าปลีกขึ้นเป็น 2.5 ล้านตารางเมตร ในปี 67 จากปีก่อนอยู่ที่ 1.8 ล้านตารางเมตร และช่วยหนุนอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ของรายได้ในช่วง 5 ปีที่ 12%
ทั้งนี้ การพัฒนาโครงการใหม่ในปีนี้คาดว่าจะมีทั้งสิ้น 8 โครงการ ตั้งอยู่บนพื้นที่อยุธยา, ศรีราชา, จันทบุรี, โครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และพหลโยธิน โดยจะเป็นโครงการมิกซ์ยูส ส่วนที่ดินข้างเซ็นทรัล พลาซ่า พระราม 9 ของ บมจ.แกรนด์ คาแนล แลนด์ (GLAND) จะพัฒนาเป็นโครงการอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก
รวมถึงจะมีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบราว 2 โครงการ ในไตรมาส 1/63 ได้แก่ โครงการทาวน์โฮมในพื้นที่พิษณุโลก และโครงการบ้านเดี่ยวที่กัลปพฤกษ์-กรุงเทพฯ มองว่าโครงการเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสนับสนุนต่อการเติบโตของกำไรตั้งแต่ปี 63 เป็นต้นไป
พร้อมกันนี้ได้ประมาณการกำไรสุทธิของ CPN ในปี 63 เติบโต 38% มาอยู่ที่ 17,152 ล้านบาท โดยได้รวมเอากำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ 5 แห่ง เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNREIT) ที่คาดจะดำเนินการในไตรมาส 2/63 ซึ่งคาดว่าจะสร้างกำไรพิเศษให้ CPN ที่ 4,500 ล้านบาท
ส่วนรายได้ในปีนี้ CPN คาดว่าจะเติบโตได้ 8-9% จากปีก่อน โดยการเติบโตจะมาจากธุรกิจค้าปลีก, ธุรกิจที่ยู่อาศัย, ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มและการบริหารจัดการ และส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนใน REIT ที่คาดว่าจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง
“เราคงคำแนะนำ ซื้อ ด้วยฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และแผนพัฒนาธุรกิจในอนาตคต รวมถึงการปรับกลยุทธ์การพัฒนาโครงการให้เข้ากับกระแสโลกที่เปลี่ยนไป อีกทั้งด้วยงบดุลที่แข็งแกร่งอย่างมาก ทำให้ CPN เป็นหนึ่งในผู้พัฒนาโครงการที่สามารถคว้าโอกาสในการลงทุนในช่วงที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง ขณะเดียวกันยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง รองรับสำหรับการขยายกิจการ ท่ามกลางภาวะตลาดที่ผันผวน”
นายสรพงษ์ กล่าว
ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แผนธุรกิจ CPN มุ่งเน้นขยายโครงการแบบมิกซ์ยูสชัดเจนมากขึ้น วางเป้าหมาย 5 ปี ข้างหน้าจะเปิดศูนย์การค้าในไทย 15 แห่ง และในต่างประเทศอย่างน้อย 2 แห่ง ทำให้พื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น 7 แสนตารางเมตร หรือ 39% เป็น 2.5 ล้านตาราเมตร รวมถึงจะเปิดอาคารสำนักงาน 2 แห่ง, โรงแรม 10 แห่ง และโครงการที่อยู่อาศัยมากกว่า 30 โครงการ
ทั้งนี้ คาดว่าตามแผนดังกล่าวจะทำให้กำไรของ CPN เติบโตเฉลี่ยปีละ 11% ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จากการเปิดโครงการใหม่ การปรับปรุงโครงการเดิม การปรับขึ้นค่าเช่าเฉลี่ย 3% ต่อปี และอัตรากำไรเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน
สำหรับผลการดำเนินงานปีนี้ คาดว่า CPN จะมีรายได้เติบโต 9% จากการรับรู้รายได้เต็มปีของ Central i -City มาเลเซีย และเซ็นทรัลวิลเลจ ซึ่งมีอัตราค่าเช่าสูงขึ้น, รายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นเกือบ 20% แต่ในส่วนของกำไรคาดว่าจะเติบโต 14% แม้ไม่มีศูนย์การค้าเปิดใหม่ในปีนี้ เนื่องจากภาระดอกเบี้ยจ่ายลดลง หลังจากนำเงินที่ได้จากการให้เช่าทรัพย์สินฯแก่ CPNREIT ไปจ่ายคืนหนี้
โดยคาดว่าจะมีกำไรพิเศษในไตรมาส 2/63 ประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท และอาจจ่ายเงินปันผลพิเศษบางส่วนด้วย ขณะที่การระบาดของไวรัสโคโรนาคาดว่าจะมีผลกระทบจำกัดในระยะสั้น โดย CPN มีศูนย์การค้าทั้งสิ้น 11 แห่งอยู่ในพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาก
ส่วนผลประกอบการในไตรมาส 4/62 คาดกำไรปกติจะเติบโต 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และเติบโต 18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรืออยู่ที่ 2,875 ล้านบาท เป็นไปตามรายได้ต่อสาขา เพิ่มขึ้น 3% , การเปิดโครงการมาเลเซียและเซ็นทรัลวิลเลจ และรายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมประมาณ 1.6 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตามหากนับรวมรายการพิเศษจากการบันทึกกำไรจากการขายหุ้น 30% ในเซ็นทรัลวิลเลจ ให้กับ Mitsubishi Estate Asia ประมาณ 250 ล้านบาท ก็คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 4/62 จะอยู่ที่ 3,075 ล้านบาท
บทวิเคราะห์ บล.คันทรี่ กรุ๊ป กล่าวในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลประกอบการปี 63 ของ CPN แม้ว่าจะไม่มีการเปิดศูนย์การค้าแห่งใหม่ แต่จะมีการรับรู้รายได้จากศูนย์การค้าที่เปิดไปแล้วในปี 62 เข้ามาเต็มปี และการกลับมาเปิดศูนย์การค้าที่มีการปรับปรุงไป เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ เชียงราย และชลบุรี ทำให้รายได้และกำไรสุทธิยังเห็นการเติบโตได้
โดยคาดรายได้จะเติบโต 5% เมื่อเทียบกับปีก่อน หรือคิดเป็น 37,556 ล้านบาท และกำไรสุทธิเติบโต 6% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 12,030 ล้านบาท ซึ่งยังไม่ได้รวมกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้า CPNREIT ที่คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท เข้ามา โดยคาดว่าจะบันทึกมาในช่วงปลายไตรมาส 1/63 หรือต้นไตรมาส 2/63
ขณะที่ผลประกอบการในปี 62 คาดว่าจะมีรายได้จะเติบโต 6% มาอยู่ที่ 35,932 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะเติบโต 1% มาอยู่ที่ 11,357 ล้านบาท โดยคาดกำไรสุทธิในไตรมาส 4/62 จะเติบโตถึง 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 17% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/62 หรือคิดเป็น 3,289 ล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากโครงการอสังหาริมทรัพย์เข้ามากว่า 1,700 ล้านบาท, รายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น, ศูนย์การค้าที่เปิดใหม่ อย่าง เซ็นทรัลวิลเลจเข้ามาเต็มไตรมาส เป็นต้น
ส่วนผลกระทบจากปัญหาโรคไวรัสโคโรนา เบื้องต้นคาดว่าจะกระทบประมาณ 11 ศูนย์การค้าจากที่มีในประเทศทั้งหมด 33 แห่ง โดยจะต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะสามารถควบคุมได้รวดเร็วเพียงใด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (07 ก.พ. 63)
Tags: Consensus, CPN, ศูนย์การค้า, เซ็นทรัลพัฒนา