Pig Board เคาะมาตรการปรับลดแม่พันธุ์หมู เป็นเวลา 3 เดือน รักษาเสถียรภาพราคาหน้าฟาร์ม

คณะกรรมการนโยบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (Pig Board) เห็นชอบมาตรการเสริมในโครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร ด้วยการปรับลดปริมาณแม่พันธุ์สุกร 78,571 ตัว ในฟาร์มใหญ่ 230 แห่ง ภายใน 3 เดือน ช่วยลดปัญหาราคาสุกรหน้าฟาร์มตกต่ำอย่างยั่งยืน

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรการเพิ่มเติมในโครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกร จากที่ดำเนินการการตัดวงจร นำลูกสุกรมาทำหมูหันเพื่อลดปริมาณลูกสุกรที่จะเข้าขุน รวมถึงให้กรมปศุสัตว์เร่งผลักดันการส่งออก โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญเพื่อลดปริมาณผลผลิต ให้สอดคล้องกับความต้องการบริโภคและการส่งออกในปัจจุบัน

โดยมีมาตรการเพิ่มเติมที่สำคัญ คือมอบหมายให้กรมปศุสัตว์ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ทบทวนข้อมูลกำลังการผลิตและประสิทธิภาพการผลิตสุกรภายในประเทศ

พร้อมกันนี้ให้กำหนดมาตรการปรับลดกำลังการผลิตโดยการปรับลดสุกรแม่พันธุ์ภายในประเทศ โดยขอความร่วมมือจากผู้เลี้ยงรายใหญ่ปรับลดแม่พันธุ์สุกร 10% ของปริมาณแม่พันธุ์ทั้งหมด รวมปริมาณแม่พันธุ์สุกรที่จะปรับลด 78,571 ตัว ดำเนินการในฟาร์มสุกรรายใหญ่ที่มีแม่พันธุ์มากกว่า 1,000 ตัวขึ้นไป จำนวน 230 แห่ง

ทั้งนี้ ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 3 เดือน เฉลี่ยเดือนละ 26,190 ตัว ทั้งนี้แม่พันธุ์สุกร 1 ตัวจะให้ลูกประมาณ 22 ตัวต่อปี การปรับลดแม่พันธุ์ลง จะส่งผลให้ปริมาณลูกสุกรที่จะเข้าสู่การขุนลดลง

นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานที่ประกอบด้วยภาครัฐและเอกชนรวมถึงผู้แทนเกษตรกรรายย่อย เพื่อช่วยเร่งรัดติดตามมาตรการการรักษาเสถียรภาพราคาสุกรต่าง ๆ ตามที่ Pig Board ได้มีมติเห็นชอบไปแล้ว

รวมถึงเสนอให้มีการพิจารณาแนวทางอื่นๆในการรักษาเสถียรภาพราคาสุกรตามความเหมาะสม อาทิ ขอความร่วมมือผู้เลี้ยงสุกรงดจำหน่ายสุกรที่มีน้ำหนักเกิน 110 กิโลกรัมซึ่งจะเป็นการตัดวงจรสุกรขุนให้เร็วขึ้น เป็นต้น

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า โครงการรักษาเสถียรภาพราคาสุกรที่มอบหมายให้กรมปศุสัตว์ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชนดำเนินการมาก่อนหน้านี้ ส่งผลให้ราคาสุกรมีชีวิตหน้าฟาร์มปรับขึ้นอย่างต่อเนื่อง การออกมาตรการเสริมของ Pig Board จะเป็นการรักษาเสถียรภาพราคาสุกรหน้าฟาร์ม เพื่อช่วยเหลือผู้เลี้ยงอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกษตรการรายเล็ก และรายย่อย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ค. 67)

Tags: , , , ,
Back to Top