นายเล็ก สิขรวิทย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน ของ บมจ.แอสเซทไวส์ (ASW) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูล (Filing) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) ของ ASW ในวันนี้ โดยบริษัทฯมีแผนจะเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 206,000,000 หุ้น คิดเป็น 27.07% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO ในครั้งนี้
ASW มีทุนจดทะเบียน 761,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 761,000,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1.00 บาท โดยเป็นทุนที่ชำระแล้ว 555,000,000 บาท
บริษัทประกอบธุรกิจถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทและบริษัทย่อยทั้งหมด 15 บริษัท ซึ่งเป็นบริษัทย่อยประกอบธุรกิจหลักคือ ธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายทั้งคอนโดมิเนียมและแนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมและโฮมออฟฟิศ จำนวน 12 บริษัท และบริษัทย่อยอีก 3 บริษัท ประกอบธุรกิจอื่น ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เช่น ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่า, ธุรกิจรับฝากขายฝากเช่าอสังหาริมทรัพย์ เพื่อตอบสนองความต้องการและรองรับไลฟ์สไตล์ได้หลากหลายกลุ่มลูกค้า ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่เพียงพอและครบครัน ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ…We Build Happiness”
นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ASW กล่าวว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้เป็นเงินทุนในการพัฒนาโครงการ ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และเพิ่มเงินทุนหมุนเวียน คาดหวังว่าจะทำให้กลุ่มบริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันเพิ่มสูงขึ้น สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น รวมถึงมีความมั่นคง แข็งแรง สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
สำหรับผลการดำเนินงานของ ASW งวดครึ่งปีที่ผ่านมา มีรายได้จากการขายและการบริการรวม 1,502.13 ล้านบาท สูงขึ้นจากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 1,213.48 ล้านบาท โดยในงวดหกเดือนแรกสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.63 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์ 1,499.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 286.58 ล้านบาทจากงวดเดียวกันของปี 62 ส่วนใหญ่เป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์โครงการ Atmoz ลาดพร้าว 15, โครงการ Atmoz ลาดพร้าว 71 และโครงการ Brown รัชดา-ห้วยขวาง ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงที่ผ่านมา และโครงการ Atmoz แจ้งวัฒนะ ที่ก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 63 รวมทั้งสิ้น 652 ยูนิต สูงกว่างวดเดียวกันของปี 62 ที่มียอดโอนกรรมสิทธิ์จำนวน 498 ยูนิต
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิ 222.76 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160.57% เมื่อเปรียบเทียบจากงวดเดียวกันในปีก่อนที่ทำได้ 85.49 ล้านบาท โดยกลุ่มบริษัทมีกำไรขั้นต้นเท่ากับ 624.85 ล้านบาท คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้น 41.68% ซึ่งสูงกว่าอัตรากำไรขั้นต้นในงวดเดียวกันของปี 62 เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่มาจากโครงการที่มีการโอนกรรมสิทธิ์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงปลายปี 2562 รวมถึงโครงการ Atmoz แจ้งวัฒนะ ซึ่งก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ช่วงไตรมาส 2/63 มีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าโครงการในอดีตที่ผ่านมา
สำหรับแผนงานในอนาคต ASW มีแผนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในอนาคต 5 โครงการ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียมแบบ High Rise 2 โครงการ คือ 1.) โครงการ Modiz Rhyme รามคำแหง เฟส 1 ติด MRT รามคำแหง มูลค่าโครงการ 1,793 ล้านบาท และ 2.) โครงการ Modiz Launch ใกล้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต มูลค่า 1,213 ล้านบาท
ส่วนโครงการแนวราบ 2 โครงการ คือ Baan Puri Puri ลาดพร้าว 41 เป็นโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น หน้ากว้าง 7.45 ตร.ม.มูลค่าโครงการ 87 ล้านบาท และ Baan Puri Puri พัฒนาการ เป็นทาวน์โฮม 3 ชั้น หน้ากว้าง 5.35 ตร.ม. มูลค่าโครงการ 530 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายจำนวน 3,623 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีคอมมูนิตี้ มอลล์ ชื่อโครงการ Mingle ตั้งอยู่ที่ ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เป็นคอมมูนิตี้ มอลล์ ด้านหน้าโครงการ Kave Town พื้นที่เช่า 2,548 ตร.ม. ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (8 ต.ค. 63)
Tags: ASW, IPO, ก.ล.ต., กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์, ที่ปรึกษา เอเซีย พลัส, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์, อสังหาริมทรัพย์, เล็ก สิขรวิทย, แอสเซทไวส์, ไฟลิ่ง