ระหว่างการประชุมที่แคมป์เดวิดเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คนในครอบครัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ ได้วิพากษ์วิจารณ์กลุ่มที่ปรึกษาระดับสูงของทีมหาเสียงอย่างรุนแรง โดยตำหนิว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ปธน.ไบเดนทำผลงานได้ไม่ดีในการโต้วาทีเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (27 มิ.ย.) พร้อมทั้งเรียกร้องให้ปธน.ไบเดนไล่ออกหรือลดบทบาทบุคคลระดับบัญชาการในทีมหาเสียง
อย่างไรก็ตาม เว็บไซต์สำนักข่าวโพลิติโค (Politico) ของสหรัฐรายงานในวันนี้ (1 ก.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าปธน.ไบเดนจะปฏิบัติตามคำแนะนำของครอบครัวหรือไม่
ประเด็นที่ครอบครัวไบเดนตำหนิเกี่ยวกับการเตรียมตัวสำหรับการโต้วาที ได้แก่ การที่ปธน.ไบเดนไม่ได้รับการเตรียมพร้อมที่จะปรับท่าทีเป็นฝ่ายรุก การที่เขามัวแต่ปกป้องผลงานในอดีต แทนที่จะนำเสนอวิสัยทัศน์สำหรับการดำรงตำแหน่งปธน.สมัยที่สอง และการที่เขาทำงานหนักเกินไปจนพักผ่อนไม่เพียงพอ
เจ้าหน้าที่ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก ได้แก่ นางอนิตา ดันน์ ที่ปรึกษาอาวุโสที่ปธน.ไบเดนมักจะรับฟัง, นายบ็อบ บาวเออร์ สามีของนางดันน์ ซึ่งเป็นทนายความของไบเดน และรับบทเป็นนายโดนัลด์ ทรัมป์ ในการซ้อมโต้วาทีที่แคมป์เดวิด และนายรอน เคลน อดีตเสนาธิการ ผู้ดูแลการเตรียมตัวสำหรับการโต้วาทีในครั้งนี้และครั้งก่อน ๆ
นายเควิน มูโญซ โฆษกทีมหาเสียงของปธน.ไบเดน กล่าวในแถลงการณ์ว่า “ทีมงานที่เตรียมความพร้อมให้กับประธานาธิบดีได้ทำงานร่วมกับท่านมาหลายปี บางคนก็หลายสิบปี ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกัน ท่านยังคงเชื่อมั่นในตัวพวกเขาอย่างเต็มเปี่ยม”
นอกจากนี้ ผู้ช่วยอาวุโสของปธน.ไบเดนคนหนึ่งออกมาโต้แย้งว่า ข้อมูลที่ว่านางดันน์ นายบาวเออร์ และนายเคลนถูกตำหนินั้น “ไม่เป็นความจริง”
หลังจากที่ปธน.ไบเดนทำผลงานในการโต้วาทีได้ไม่ดีนัก พันธมิตรและทีมงานของปธน.ไบเดนพยายามหาเหตุผลมาอธิบายถึงความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทั้งการอ้างว่าปธน.ป่วยหรือเตรียมตัวมากเกินไป
นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุว่า ทีมงานหาเสียงของปธน.ไบเดนยังไม่พอใจ CNN ในประเด็นการดำเนินรายการดีเบตอีกด้วย โดยพวกเขามีข้อร้องเรียนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ผู้ดำเนินรายการควรจะตรวจสอบข้อเท็จจริงคำพูดของนายทรัมป์ให้มากกว่านี้ การที่ปธน.ไบเดนไม่ได้รับแจ้งล่วงหน้าว่าจะต้องมองกล้องตัวไหนในช่วงที่ไม่ได้พูด และการที่ทีมเมคอัพแต่งหน้าให้เขาดูซีดเกินไป อย่างไรก็ตาม ปธน.ไบเดนได้ตกลงยอมรับเงื่อนไขการโต้วาทีก่อนที่จะมีการจัดขึ้นแล้ว
เมื่อวิกฤตการณ์ยืดเยื้อมาถึงวันที่สาม การชี้นิ้วกล่าวโทษก็หันกลับมาสู่ทีมที่ปรึกษาคนสนิทของปธน.ไบเดนเอง อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า การเพ่งเล็งไปที่ทีมงานทำให้ครอบครัวไบเดนมองข้ามข้อบกพร่องของตัวปธน.ไบเดนเองในการโต้วาทีที่แอตแลนตาไป
แหล่งข่าวเผยว่า ครอบครัวไบเดนต้องการให้ปธน.ลงแข่งขันต่อไป แทนที่จะยุติเส้นทางอาชีพทางการเมืองด้วยผลงานอันน่าอัปยศในการโต้วาทีกับนายทรัมป์ ซึ่งเป็นบุคคลที่ครอบครัวไบเดนรังเกียจ โดยสองเสียงที่ดังที่สุดที่สนับสนุนให้ปธน.ยังคงลงชิงชัยในการเลือกตั้งปี 2567 ต่อไปมาจากดร.จิล ไบเดน สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และนายฮันเตอร์ ไบเดน ผู้เป็นบุตรชาย
ทั้งนี้ ผลงานการโต้วาทีของปธน.ไบเดนอาจทำให้ประเด็นเรื่องอายุกลายเป็นอุปสรรคใหญ่ยิ่งขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยผลสำรวจของ CBS News/YouGov ที่เผยแพร่เมื่อวันอาทิตย์ (30 มิ.ย.) แสดงให้เห็นว่า 72% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่ลงทะเบียนไม่เชื่อว่าปธน.ไบเดนมีสุขภาพจิตและสติปัญญาเพียงพอที่จะดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี เพิ่มขึ้นจาก 65% ในเดือนที่แล้ว
พรรคของปธน.ไบเดนเองก็มีความคิดเห็นแตกแยกกันว่า ไบเดนควรลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีต่อไปหรือไม่ โดย 46% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตที่ลงทะเบียนแล้วระบุว่าเขาไม่ควรลงสมัคร ขณะที่ 54% เห็นว่าเขาควรลงสมัคร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.ค. 67)
Tags: ดีเบต, สหรัฐ, ไบเดน