ป.ป.ช. เตรียมเสนอ 3 มาตรการแก้ปัญหาทุจริตในอุตฯ แร่ ครอบคลุมขออาชญาบัตร-ปิดเหมือง

จากที่ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับปัญหาสุ่มเสี่ยงต่อการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ และสร้างความเสียหายให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก จึงได้ศึกษาวิเคราะห์สภาพปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตในอุตสาหกรรมแร่ และเตรียมเสนอมาตรการให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยครอบคลุมตั้งแต่การขออาชญาบัตรเพื่อสำรวจแร่จนถึงการปิดเหมือง ได้แก่

 

ช่วงการสำรวจแร่ (ตั้งแต่การขออาชญาบัตร การสำรวจแร่ และภายหลังสำรวจแร่)

1.ประกาศหรือกำหนดระเบียบให้พื้นที่ที่รัฐจัดสรรหรือออกให้ประชาชนเพื่อทำการเกษตรกรรม เช่น ที่ดิน ส.ป.ก. หรือที่ดิน ส.ป.ก. 4-01 ให้เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับทำการสำรวจแร่ และทำเหมืองทุกชนิด

2.ให้การสำรวจแร่เป็นอำนาจและหน้าที่ของรัฐเป็นผู้ทำการสำรวจแร่ ทั้งนี้รัฐอาจจ้างภาคเอกชนดำเนินการ แทนการให้ภาคเอกชนรับอาชญาบัตรสำรวจแร่จากรัฐเหมือนเช่นที่ผ่านมา

3.ให้มีการดำเนินการกำหนดคำนิยามของคำว่า “พื้นที่แหล่งต้นน้ำหรือป่าน้ำซับซึม” ที่ชัดเจนไว้เป็นแนวทางสำหรับการปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง พร้อมกำหนดหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง

4.พิจารณาเสนอเพิ่มเติมกฎหมายให้มีกระบวนการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในช่วงการขออาชญาบัตร เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับประชาชนอย่างแท้จริง

5.ขอประกาศหรือกำหนดระเบียบ โดยกำหนดว่า พื้นที่ใดจะมีการทำเหมือง พื้นที่นั้นควรได้รับ การรับรองเส้นแนวเขตในโซนเป็นที่ยุติของปัญหาการทับซ้อนกันของพื้นที่แล้ว

6.พื้นที่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสำรวจแร่ ให้เปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนรับทราบและตรวจสอบได้ และติดป้ายประชาสัมพันธ์แบบถาวรในพื้นที่เป็นจุด ๆ โดยแสดงรายนามผู้ได้รับอนุญาต จำนวนพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต ระยะเวลาเริ่มต้น-สิ้นสุดการสำรวจแร่ วิธีการสำรวจ และชนิดแร่ที่ได้รับอนุญาตให้ทำการสำรวจ ทั้งนี้ ให้ดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับพื้นที่ที่อนุญาตให้ทำเหมืองด้วย

 

ช่วงการประทานบัตร (ตั้งแต่ก่อนทำเหมืองแร่ ระหว่างทำเหมือง และหลังปิดเหมือง)

1.การรับฟังความเห็นของชุมชนในพื้นที่ไม่ครอบคลุมทุกภาคส่วน มีรัศมีครอบคลุมพื้นที่ไม่เหมาะสม ให้หน่วยงานพิจารณาแก้ไขประกาศ ระเบียบ ที่เกี่ยวข้องกับการรับฟังความเห็น โดยกำหนดให้ประกาศเผยแพร่ให้ประชาชน นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และสื่อมวลชนภายนอกพื้นที่ สามารถเข้าร่วมรับฟังความคิดเห็นและคัดค้านได้

2.ให้ดำเนินการติดตามและตรวจสอบการเข้าร่วมลงทุนของนักลงทุนต่างชาติโดยพิจารณาการลงทุนทั้งจากหุ้นโดยตรง หุ้นแฝง และการโอนเงินของผู้เกี่ยวข้องที่มีลักษณะของธุรกรรมอำพรางอย่างเคร่งครัด

3.การจัดทำรายงาน EIA/EHIA ควรให้มีการเผยแพร่รายงานเป็นระยะ ๆ และนำรายงานฉบับสมบูรณ์ลงเว็บไซต์ เพื่อให้ประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้มีส่วนร่วมในการตรวจสอบ พร้อมทั้งควรกำหนดรอบเวลาให้โครงการทำการทบทวน EIA/EHIA และปรับปรุงมาตรการป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้สอดคล้องกับสภาพพื้นที่ที่เป็นปัจจุบัน

4.การรายงานผลประกอบการ ควรพิจารณาแก้ไขระเบียบและแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการแจ้งรายงานการทำเหมือง โดยกำหนดให้ผู้ถือประทานบัตรใช้การรังวัดแสดงพิกัดการทำเหมืองเพื่อรายงานปริมาณการผลิตแร่ ด้วยการใช้ระบบแสดงพิกัดการทำเหมืองโดยใช้ GPS (Global Positioning System) ควบคู่กับการใช้อากาศยานไร้คนขับ (Drone)

5.เสนอแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง กำหนดอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานในการเฝ้าระวังดูแล หรือตรวจสอบผลกระทบอันอาจเกิดจากการประกอบกิจการเหมืองแร่ ทั้งภายในและภายนอกพื้นที่ประทานบัตรให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

6.ให้มีการจัดทำข้อมูลพื้นฐานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน (Base Line Data) โดยรอบเหมืองเป็นฐานข้อมูลไว้ก่อนอนุญาตประทานบัตร

7.ให้มีการจัดทำรายงานการประเมินสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชนโดยรอบเหมืองทุก 6 เดือน

8.ควรจัดให้มีป้ายประกาศ ณ บริเวณพื้นที่ทำเหมืองในพื้นที่ที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ให้ประชาชนได้รับทราบว่าการทำเหมืองนั้นทำในพื้นที่ของหน่วยงานใด เริ่มต้นและสิ้นสุดลงเมื่อใด และทำการส่งเสริมและสนับสนุนให้ภาคประชาชนและภาคส่วนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง สอดส่องดูแลมิให้มีการทำเหมืองแร่โดยผิดกฎหมาย

9.ควรกำหนดแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่เหมืองแร่หลังปิดเหมืองกลับมาใช้ประโยชน์ในเชิงเศรษฐกิจที่ชัดเจน

 

การใช้กระบวนการอนุญาโตตุลาการในการแก้ไขปัญหาการทุจริตของนักลงทุนต่างประเทศ

กรณีคำจำกัดความของคำว่า “นโยบายสาธารณะ” ยังไม่มีความชัดเจน เห็นควรทำการหารือร่วมกับนานาประเทศ เพื่อผลักดันให้มีคำนิยามที่ชัดเจนว่า “การขัดต่อนโยบายสาธารณะ” มีความหมายครอบคลุมถึงกรณีที่นักลงทุนต่างประเทศมีการทุจริต หรือมีการดำเนินการใดที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพอนามัยของประชาชน พร้อมทั้งเสนอให้มีการเพิ่มเติมคำนิยามดังกล่าวลงในภาคผนวกของอนุสัญญานิวยอร์ก และข้อตกลงการลงทุนระหว่างประเทศ ประเภทต่าง ๆ ให้ชัดเจนไว้เป็นเงื่อนไขของการที่จะให้ต่างประเทศที่เข้ามาลงทุนนั้นไม่มีสิทธิมาฟ้องร้องกรณีมีการทุจริต หรือมีการดำเนินการใดที่ก่อให้เกิดผลเสียต่อสิ่งแวดล้อม หรือสุขภาพอนามัยของประชาชน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 มิ.ย. 67)

Tags: , ,
Back to Top