นายกรนิจ โนนจุ้ย รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมฯ ได้หารือร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อ สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย สมาคมผู้ผลิตไก่เนื้อเพื่อการส่งออก และผู้ประกอบการรายใหญ่ ได้แก่ บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), บริษัท คาร์กิลล์มีทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท เบทาโกรเกษตรอุตสาหกรรม จำกัด, บริษัท ไทยฟู้ดส์ จำกัด, บริษัท สหฟาร์ม จำกัด และห้างค้าส่งค้าปลีก
ทั้งนี้ เพื่อติดตามสถานการณ์การผลิตและการค้าสินค้าเนื้อไก่ ตามนโยบายนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์หลังจากที่มีข่าวปรับขึ้นราคา โดยพบสาเหตุว่ามาจากช่วงเดือนมี.ค.-เม.ย. 67 เป็นช่วงอากาศร้อนและแล้งจัด ทำให้ผลผลิตไก่ลดลง จากเดิมเลี้ยง 39-42 วัน และน้ำหนักไก่ลดลง 5% กว่าจะได้ขนาด 2.4 กิโลกรัม ต้องเลี้ยงเพิ่มอีก 3-5 วัน ทำให้ผู้ประกอบการมีภาระ จึงมีการปรับขึ้นราคาเพื่อให้สอดคล้อง
ส่วนที่มีการมองว่า การส่งออกที่เพิ่มขึ้น เป็นสาเหตุทำให้ไก่ในประเทศขาดแคลนนั้น รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง โดยได้รับการยืนยันจากผู้ผลิตและผู้ส่งออกว่าปริมาณผลผลิตไก่มีเพียงพอ ไม่มีปัญหาขาดแคลน ทั้งการบริโภคในประเทศและการส่งออก และขณะนี้สถานการณ์ได้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยผู้เลี้ยงได้ลงลูกไก่เพิ่ม ส่วนระยะเวลาการเลี้ยงอยู่ที่ 39-42 วันตามเดิม และเมื่อผลผลิตล็อตใหม่เข้าสู่ตลาด ราคาเนื้อไก่ก็จะปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ
“ได้รับคำยืนยันทั้งจากผู้เลี้ยง จะเร่งเลี้ยงเพิ่ม และผู้ประกอบการได้มีการเปิดโรงเชือดใหม่เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนเรื่องราคา ทั้งผู้เลี้ยง ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก ยืนยันจะไม่มีการปรับขึ้นราคาไปกว่านี้อีกแล้ว จะตรึงราคานี้ ไม่มีการขึ้นอีก และยังจะช่วยจัดโปรโมชั่น โดยเฉพาะชิ้นส่วนสะโพก และเนื้ออก เพื่อลดราคาให้กับผู้บริโภคด้วย และจากนี้เมื่อสถานการณ์ผลผลิตดีขึ้น ราคาก็จะปรับลดลงตามความเหมาะสม ขอให้ผู้บริโภคเบาใจลงได้” นายกรนิจ กล่าว
อย่างไรก็ตาม กรมฯ จะมีการติดตามสถานการณ์การเลี้ยง การค้าไก่ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทางทุกวัน ทั้งผู้เลี้ยง, ผู้ผลิตที่ส่งไก่ไปให้ห้างค้าส่ง-ค้าปลีก และห้างค้า-ส่งค้าปลีก เพื่อติดตามสถานการณ์ด้านราคา และกำกับดูแลให้ราคาอยู่ในโครงสร้าง ทั้งผู้เลี้ยง ผู้ผลิต ห้าง ซึ่งจากการตรวจสอบขณะนี้ ราคายังอยู่ในโครงสร้างที่กำหนด
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 มิ.ย. 67)
Tags: กรนิจ โนนจุ้ย, กรมการค้าภายใน, เนื้อไก่