นายอิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง (TKN) ประกาศลุยหนักขยายตลาดอินโดนีเซีย หลังตั้ง PT Sukanda Djaya เป็นตัวแทนจำหน่าย (Distributor Partner) ในอินโดฯ อย่างเป็นทางการ เพื่อขยายผลิตภัณฑ์สาหร่ายเถ้าแก่น้อย ผ่านช่องทางจำหน่ายหลากหลายกลุ่ม วางเป้าดันยอดขายในอินโดฯ เพิ่มขึ้น 20% จากปีก่อน ทะลุ 600 ล้านบาท หนุนสัดส่วนยอดขายจากอินโดฯเพิ่มเท่าตัวเป็นมากกว่า 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 15% ชิงมาร์เก็ตแชร์ก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 1 ผลิตภัณฑ์สาหร่ายในอินโดฯ ภายใน 4-5 ปีข้างหน้า ยกระดับแบรนด์ “เถ้าแก่น้อย” สู่ Global Brand ในสอนาคต
ก่อนหน้านี้บริษัทได้มีการขยายตลาดในอินโดนีเซียเฉพาะในเมืองใหญ่ แต่การร่วมมือ กับ PT Sukanda Djaya ซึ่งเป็นพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในตลาดอินโดนีเซีย มีความสามารถในการกระจายสินค้าโดยมีจุดกระจายสินค้า 22 จุดทั่วประเทศ มีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย ทั้งช่องทาง Modern Trade (MT), ช่องทาง Traditional Trade (TT) และ Horeca รวมถึงช่องทาง E-commerce จะสามารถกระจายสินค้าได้ครอบคลุมทั้งประเทศได้ และมองว่ามีศักยภาพในการเติบโตอีกมาก จะเป็นส่วนที่มาเสริมให้บริษัทเติบโตได้ต่อเนื่อง
ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 2/67 มั่นใจภาพรวมยอดขายยังเติบโตดีอยู่ แม้ต้นทุนราคาวัตถุดิบจะเพิ่มสูงขึ้นและบางวัตถุดิบขาดแคลน แต่มั่นใจว่าภาพรวมปีนี้จะยังมีวัตถุดิบเพียงพอ เนื่องจากความสัมพันธ์ที่ดีกับซัพพลายเออร์ ขณะที่ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามกลไกตลาด แต่ในตอนนี้บริษัทยังไม่มีแผนในปรับราคาสินค้าขึ้น โดยยังมองภาพรวมตลาดสาหร่ายยังเติบโตได้ดี และย้ำว่าเป้ารายได้ปี 67 จะเติบโต 15% ได้ตามที่คาดไว้
นายวชิระ ญาณทัศนกิจ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มงานการค้าต่างประเทศ TKN กล่าวว่า อินโดฯ เป็นตลาดมุสลิมที่นิยมการบริโภคสาหร่ายเพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา และมีศักยภาพการเติบโตสูง การปรับเปลี่ยนตัวแทนจัดจำหน่ายรายใหม่เมื่อปลายปี 66 เพื่อมุ่งเน้นการขยายช่องทางการขายที่กว้างขึ้น พร้อมเดินหน้าตอกย้ำการทำตลาดในกลุ่มผู้บริโภคชาวมุสลิมให้มากขึ้น โดยเน้นการสื่อสารผ่านKey Opinion Leader (KOLs) หรือ Influencer ที่เป็นชาวมุสลิม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับกลุ่มผู้บริโภค รวมถึงจัดกิจกรรมทางการตลาดอย่างต่อเนื่อง อาทิ กิจกรรม Food Truck จัดบูทชงชิม แจกสินค้าตัวอย่าง เป็นต้น ล่าสุด ในช่วงเทศกาลสำคัญอย่างเช่น รอมฎอน (ถือศีลอด) ได้ร่วมกับพันธมิตรออกบูธในงาน Jakarta Lebaran Fair ที่กรุงจาการ์ตา ซึ่งได้ผลตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค
“การสร้างแบรนด์ไทยให้เติบโตและมีชื่อเสียงในระดับโลก ต้องเริ่มจากการสร้างรากฐานของแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เถ้าแก่น้อย จึงได้รุกสร้างการเติบโตในตลาดต่างประเทศอย่างเต็มกำลัง โดยในแต่ละประเทศมีทิศทางและการทำงานที่ต้องปรับให้เข้ากับพฤติกรรมการบริโภค วัฒนธรรมและไลฟ์สไตล์ ความเป็นอยู่ของผู้บริโภคในประเทศนั้นๆ ซึ่งการร่วมมือกับ PT Sukanda Djaya ในครั้งนี้ ช่วยสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันจากพันธมิตรที่แข็งแกร่งและการกระจายสินค้าในทุกช่องทางจัดจำหน่ายของเถ้าแก่น้อยทั่วประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งปัจจุบัน เถ้าแก่น้อยมีสินค้าอยู่บนชั้นวางสินค้าครอบคลุม Modern Trade ในอินโดนีเซียกว่า 80%และยังสามารถเติบโตได้อีกมาก โดยเฉพาะช่องทางTraditional Trade และ E-Commerce นอกจากนั้น เราได้มีการขยายตลาดสินค้ากลุ่มสาหร่ายอบ ที่จับกลุ่มผู้บริโภคที่รับประทานเป็นอาหารหรือทานคู่กับอาหาร นับเป็นฐานผู้บริโภคกลุ่มใหม่ นอกเหนือจากกลุ่มตลาดขนมขบเขี้ยว” นายวชิระ กล่าว
Mr. Philip Min Lih Chen President Director บริษัท PT Sukanda Djaya กล่าวว่า บริษัทฯ มีประสบการณ์ในการดำเนินธุรกิจมากกว่า 45 ปี ในการเป็นตัวแทนจำหน่ายและกระจายสินค้าอาหารแช่งแข็ง แช่เย็น ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส และสินค้าบริโภคอื่นๆ โดยนำเข้าโดยตรงจากผู้ผลิตในประเทศต่างๆ ในทวีปยุโรป อเมริกา และเอเชีย ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง เพื่อกระจายสินค้าและทำการตลาดทั้งในช่องทาง Retail และ Food Service โดยเริ่มจากการกระจายสินค้าที่ผลิตจากบริษัทแม่ ได้แก่ ไอศกรีม นม น้ำผลไม้ต่างๆ และสินค้าประเภทอื่นๆในกลุ่มเดียวกัน และมีระบบการขนส่งรวมทั้งศูนย์กระจายสินค้าของตัวเองมากกว่า 20 แห่งตามเมืองต่างๆ เพื่อกระจายสินค้าไปยังช่องทางต่างๆทั่วประเทศอินโดฯ
สำหรับความร่วมมือระหว่าง TKN และ PT SukandaDjaya เป็นการประกาศความพร้อมรุกตลาดขนมขบเคี้ยวของเถ้าแก่น้อยในอินโดฯ ทุกมิติ โดยผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์เถ้าแก่น้อยมีพอร์ทโฟลิโอหลากหลายรูปแบบ ทั้ง อบ ทอด ย่าง เทมปุระ โดยทุกผลิตภัณฑ์จะถูกพัฒนามาจากการศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคแบบลึกซึ้ง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคทุกเซ็กเม้นท์ให้ได้สูงที่สุด เน้นการนำเสนอจุดเด่นและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน พร้อมผสานคุณประโยชน์และฟังก์ชันรสชาติต่างๆ เพื่อเป็นจุดเด่นของแบรนด์ยิ่งขึ้น ประกอบกับด้วยความแข็งแกร่งของ PT Sukanda Djaya จะยิ่งช่วยเสริมแกร่งในการนำสินค้ามาบุกตลาด เพื่อสร้างประโยชน์ให้ทั้ง 2 ฝ่าย
“เราเล็งเห็นถึงศักยภาพของแบรนด์เถ้าแก่น้อยที่มีการเติบโตสูง และยังเป็นผู้นำของตลาดสาหร่ายในอินโดฯ ประกอบกับผู้บริโภคหันมาใส่ใจเรื่องสุขภาพ จึงเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกรับประทาน ซึ่งการได้เป็นDistributor ของ TKN เราพร้อมช่วยขยายช่องทางจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศ” Mr. Philip Min Lih Chen กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 พ.ค. 67)
Tags: TKN, สาหร่าย, หุ้นไทย, อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์, เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง