นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงประเด็นเรื่องการนำเงินนอกงบประมาณมาใช้เสริมว่า ได้มีการแสดงความเห็นกันอย่างหลากหลายในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพราะเม็ดเงินนอกงบประมาณมีจำนวนมาก ขณะที่สำนักงบประมาณ ชี้แจงว่าการจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย แต่ก็พร้อมรับข้อเสนอดังกล่าว เพื่อที่จะดูว่าในอนาคตจะสามารถดึงเงินนอกงบประมาณมาช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลได้หรือไม่ แต่ยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมด ต้องเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย
“เงินนอกงบประมาณนั้น ยังไม่ได้มีการชี้เป้าชัดเจนว่าจะให้ไปดูส่วนไหนเป็นพิเศษ แต่ก็รู้กันดีว่า เงินนอกงบประมาณมีเป็นหลักล้านล้านบาท ค่อนข้างเยอะ แต่ในรายละเอียดของเงินนอกงบประมาณนี้ บางส่วนก็เป็นกองทุน หรืออะไรที่ไปแตะไม่ได้ แต่ก็มีส่วนที่สามารถบริหารจัดการได้ หลาย ๆ ที่ หลาย ๆ ส่วนรวมกันก็หลักหมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าสามารถบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพได้ ก็จะมาช่วยแบ่งเบาภาระงบประมาณได้” นายจุลพันธ์ กล่าว
ส่วนกรณีที่ประชุม ครม. ได้อนุมัติการปรับปรุงแผนการคลังระยะปานกลาง (ปี 2568-2570) หลังรัฐบาลจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนั้น รมช.คลัง กล่าวว่า แม้จะเป็นการขาดดุลเพิ่มเติมทั้งหมด และทำให้หนี้สาธารณะจะปรับเพิ่มขึ้นราว 0.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 63-64% นั้น เป็นตัวเลขที่ปรับเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ไม่ได้น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด
“การปรับกรอบการคลังนั้น เป็นไปตามจังหวะ เป็นขั้นตอนในการจัดทำงบประมาณเพิ่มเติม ซึ่งเมื่อมีการปรับเพิ่มงบประมาณ ก็ต้องปรับกรอบการคลัง ไม่ปรับไม่ได้ โดยวงเงินงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาทนั้น จะทำให้ตัวเลขหนี้สาธารณะเพิ่มเล็กน้อย ประมาณ 0.5% ดีดขึ้นมานิดหน่อย แต่ไม่ได้เป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง และตัวเลขทั้งหมดที่นำเสนอ ครม. ก็อยู่ในกรอบวินัยการเงินการคลัง ส่วนแผนการคลังระยะปานกลางก็ยังอยู่ในกรอบ ยืนยันว่าทุกอย่างอยู่ในกรอบของกฎหมายทั้งหมด” นายจุลพันธ์ กล่าว
ส่วนความคืบหน้าเรื่องการฟื้นกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) นั้น รมช.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา โดยเรื่องนี้หากจะดำเนินการจริง ๆ ใช้เวลา 2-3 สัปดาห์ก็สามารถสรุปได้ แต่หลัก ๆ ต้องอยู่ที่ฝ่ายนโยบายเป็นคนตัดสินใจมากกว่า
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (28 พ.ค. 67)
Tags: ครม., จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์, ประชุมครม., รัฐบาล, สำนักงบประมาณ