นักวิเคราะห์ ฯ ระบุแนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยนักลงทุนรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐ ขณะที่เมื่อวานนี้สหรัฐประกาศมาตรการขึ้นภาษีสินค้าจากจีน ซึ่งต้องติดตามท่าทีของจีนต่อไป สำหรับปัจจัยในประเทศให้น้ำหนักกับการรายงานผลประกอบการ ตลาดน่าจะเก็งกำไรผลประกอบการของหุ้นรายตัว ทำให้ตลาดอยู่ในภาวะไซด์เวย์ต่อ โดยให้กรอบแนวรับ 1,365 จุด และแนวต้าน 1,380 จุด
นายชาญชัย พันทาธนากิจ ผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดดัชนีแกว่งตัวออกด้านข้าง โดยนักลงทุนรอติดตามการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย.ของสหรัฐ โดยตลาดคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปจะอยู่ที่ 3.4% YoY ชะลอลงจากเดือนก่อน 3.5%YoY และเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core CPI) อยู่ที่ 3.6% YoY ชะลอลงจากเดือนก่อน 3.8%YoY ขณะที่เมื่อวานนี้สหรัฐประกาศมาตรการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งต้องติดตามท่าทีของจีนต่อว่าจะตอบสนองอย่างไร
ทั้งนี้ปัจจัยในประเทศให้น้ำหนักกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ตลาดน่าจะเก็งกำไรผลประกอบการของหุ้นรายตัว ส่งผลให้ตลาดอยู่ในภาวะแกว่งไซด์เวย์ต่อ
โดยให้กรอบแนวรับ 1,365 จุดและแนวต้าน 1,380 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (14 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,558.11 จุด เพิ่มขึ้น 126.60 จุด หรือ +0.32%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,246.68 จุด เพิ่มขึ้น 25.26 จุด หรือ +0.48% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,511.18 จุด เพิ่มขึ้น 122.94 จุด หรือ +0.75%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,141.25 จุด ลดลง 4.52 จุด หรือ -0.14% ส่วนดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดที่ระดับ 38,533.09 จุด เพิ่มขึ้น 177.03 จุด หรือ +0.46% ส่วนตลาดหุ้นฮ่องกงและเกาหลีใต้ปิดทำการวันนี้ (15 พ.ค.) เนื่องในวันประสูติของพระพุทธเจ้า
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (14 พ.ค.) 1,376.57 จุด เพิ่มขึ้น 4.07 จุด (+0.30%) มูลค่าการซื้อขาย 42,896.06 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,324.20 ล้านบาท (14 พ.ค.)
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.(14 พ.ค.) ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 78.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (14 พ.ค.) อยู่ที่ 2.34 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 36.59 แข็งค่ารับดอลลาร์อ่อนหลังปธ.เฟดย้ำจุดยืนไม่รีบลดดบ. รอลุ้นเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้
– “เศรษฐา” ชิงประกาศ ขึ้นค่าแรง 400 บาท ทั่วประเทศ 1 ต.ค.นี้ คณะกรรมการไตรภาคี ยอมเงื่อนไขเร่งสำรวจ ค่าจ้างทุกจังหวัดให้ทันตามที่รัฐบาลกำหนด ยืนยันการเมืองไม่ได้แทรกแซง ฝ่ายลูกจ้างยื่นข้อเสนอบางกิจการเกิน 400 บาท นายจ้างเสนอเลื่อนขึ้นค่าจ้าง ด้านองค์กรเอกชนทั่วประเทศ หอการค้าจังหวัด ส.อ.ท.สมาคมการค้า สภานายจ้างเกือบ 200 องค์กร ออกโรงค้านนโยบายรัฐบาล
– สมาชิกสมาคม บลจ. แนะนำให้ใช้กองทุน LTF ในรูปแบบเงื่อนไขเดิม พร้อมกับให้นำกองทุนฯ เดิมมาเสนอขายใหม่ได้ ย้ำเป็นออปชั่นที่ดีสุดฟื้นตลาดหุ้นไทย ไม่สร้างต้นทุนเพิ่ม นักลงทุนเข้าใจ ไม่ลังเล มั่นใจช่วยหนุนภาคการออมไทยเติบโตแข็งแกร่ง
– ธปท.เปิดรายงาน “สินเชื่อ ภาคอสังหาฯ” พบไตรมาสแรกสินเชื่อบ้านระบบ ธนาคารไทยวูบ ทั้ง “ยอดปล่อยกู้ใหม่” และ “บ้านมือสอง” ผลสำรวจสินเชื่อแบงก์เข้มปล่อยกู้ กังวลหนี้ คุณภาพลูกหนี้ เศรษฐกิจชะลอตัว-ดอกเบี้ยสูง “เคเคพี” เผยแข่งขันด้านดอกเบี้ยปล่อยกู้กลุ่มตลาดบน “ดุเดือด” เน้นคุมปล่อยกู้ แบบคุณภาพไม่เน้นปริมาณ “ซีไอเอ็มบีไทย” เผย แบงก์ปฏิเสธสินเชื่อบ้านต่ำ 3 ล้าน พุ่ง 70%
– บอร์ด ตลท. พร้อมเคาะสรุปรายชื่อผู้สมัคร ผู้จัดการคนที่ 14 วันนี้หากมี แค่ 2 รายและไม่ขัดคุณสมบัติ สามารถพิจารณาได้เลย วงในระบุรายชื่อมีส่งคนใน 1 ราย “แมนพงศ์” และคนนอก 1 ราย ผู้บริหารโบรกเกอร์ต่างชาติ เพื่อเข้าชิงตำแหน่ง ยอมรับหาผู้ที่สนใจสมัครรอบนี้ยากจากติดคุณสมบัติอายุทำให้ถอดใจ
หุ้นเด่นวันนี้
– KCE (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 50.0 บาท บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/67 ที่ 515 ลบ. เพิ่มขึ้น 8%
QoQ และ 23% YoY ขณะที่กำไรหลักรายงานที่ 421 ลบ. เพิ่มขึ้น 34% YoY แต่ลดลง 9% QoQ กำไรที่ลดลงเชิง YoY มาจากอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่ขยายตัว ขณะที่กำไรที่ลดลงเชิง QoQ เกิดจากรายได้จากการขายที่ลดลง แม้กำไรไตรมาส 1/67 ดูไม่ตื่นเต้น แต่เชื่อเป็นจุดต่ำสุดและราคาหุ้นสะท้อนผลประกอบการแล้ว มองไปไตรมาส 2/67 คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจากยอดขายรถยนต์ในยุโรปและจีนจะปรับดีขึ้น YoY ในเดือน เม.ย. เราคาดว่า GPM จะเพิ่มขึ้นจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า แม้ว่าราคาทองแดงจะสูงขึ้นก็ตาม
– PTTGC (ไอร่า) “เล่นรีบาวด์” ราคาเป้าหมาย 38.00/39.00 บาท แม้ผลประกอบการไตรมาส 1/67 ขาดทุน 606 ล้านบาทแต่เราเห็นสัญญาณที่ดีจากธุรกิจปิโตรเคมีขั้นต้นฟื้นตัวขึ้นโดยมี EBITDA อยู่ที่ 9,047 ล้านบาท +38%QoQ/+36%YoY ขณะที่เรามองว่าในช่วงไตรมาส 2/67 ที่ธุรกิจปิโตรเคมีมีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องจากต้นทุนผลิตที่มีแนวโน้มลดลง และการฟื้นตัวของอุปสงค์ทั้งยุโรปและเอเชีย ทางเทคนิค ราคา Breakout แนวต้านที่เส้นแนวโน้มขาลงทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้น พร้อมปริมาณการซื้อขายหนาแน่นสนับสนุน ขณะที่เครื่องมือทางเทคนิค MACD และ SSTO ให้สัญญาณซื้อ
– TFM (คิงส์ฟอร์ด) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 10.40 บาท บริษัทรายงานกำไรสุทธิในไตรมาส 1/67 เติบโตเด่น +601%QoQ และพลิกจากขาดทุนในไตรมาส 1/66 ที่ 28 ล้านบาท ได้แรงหนุนจากยอดขายที่เติบโต YoY ทั้งในเชิงมูลค่าและปริมาณ โดยเฉพาะการขายอาหารสัตว์สำหรับการเลี้ยงกุ้งในประเทศอินโดนีเซีย (TUKL) ที่ผ่านจุดคุ้มทุน ประกอบกับเริ่มเห็นผลบวกจากการปรับปรุงการผลิตที่เน้นการเพิ่ม production yield บริหารต้นทุน-สินค้าคงคลัง ปรับ product sales mix ให้เหมาะสมกับตลาด และเพิ่มการขายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ส่งผลให้กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้นทั้ง QoQ, YoY ส่วนภาพรวมในช่วงนี่เหลือของปีคาดกำไรเร่งตัวขึ้นต่อในช่วงไตรมาส 2 -ไตรมาส 3 หนุน season ของการเพาะเลี้ยงกุ้ง ก่อนจะ soft ลงในไตรมาส 4 รวมถึงจะเพิ่มไลน์อาหารสำหรับปลาน้ำจืดชนิดอื่นนอกจากปลากระพงซึ่งเป็นกลุ่มที่มีมาร์จิ้นสูงทดแทนกลุ่มอาหารสัตว์บกที่มาร์จิ้นต่ำ โดยเป้าหมายของผู้บริหารในปี 67 นี้ คาดรายได้โต 10-15% GPM 12-14% และงบลงทุน 356 ล้านบาท ทั้งนี้อิงจาก consensus ตลาดคาดกำไรในปี 67 ที่ 312 ล้านบาท +259%YoY และปี 68 ที่ 335 ล้านบาท +7%YoY
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ค. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย