น้ำมัน WTI ปิดลบ $1.10 หวั่นเฟดตรึงดบ.สูงหลังเงินเฟ้อพุ่ง

สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันอังคาร (14 พ.ค.) หลังจากสหรัฐเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่สูงเกินคาดในเดือนเม.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้น

  • ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย. ลดลง 1.10 ดอลลาร์ หรือ 1.39% ปิดที่ 78.02 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.ค. ลดลง 98 เซนต์ หรือ 1.18% ปิดที่ 82.38 ดอลลาร์/บาร์เรล

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI ทั่วไปซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบรายเดือน สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.2%

ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิตที่ออกมาสูงเกินคาดนั้น ทำให้ตลาดวิตกกังวลว่าเฟดอาจจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

ทางด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดกล่าวในการประชุมประจำปีของสมาคมธนาคารต่างชาติที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์เมื่อวานนี้ว่า แม้เขาคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะยังคงชะลอตัวลงในปี 2567 แต่เขามีความเชื่อมั่นน้อยลงแล้วในขณะนี้ เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อในไตรมาสแรกของปีนี้ปรับตัวขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ประจำเดือนเม.ย.ของสหรัฐในวันนี้ โดยหากดัชนี CPI ออกมาสูงกว่าคาดการณ์ก็จะทำให้เกิดความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจมีความร้อนแรงมากเกินไปและอาจผลักดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาเหตุการณ์ไฟป่าทางตะวันตกของแคนาดา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันในประเทศ

กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) เปิดเผยรายงานภาวะตลาดน้ำมันประจำเดือนพ.ค.เมื่อวานนี้ โดยระบุว่า อุปสงค์น้ำมันในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น 2.25 ล้านบาร์เรล/วันในปีนี้ และเพิ่มขึ้น 1.85 ล้านบาร์เรล/วันในปี 2568

สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) รายงานว่า สต็อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 3.104 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ค. 67)

Tags: , ,
Back to Top