นายวีระวัฒน์ วิโรจน์โภคา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดว่ายังเป็นภาพของการแกว่งตัวไซด์เวย์ในกรอบเพื่อรอติดตามการรายงานตัวเลข PPI และ CPI เดือนเม.ย.ของสหรัฐ ทำให้นักลงทุนต้องการรอความชัดเจนของปัจจัยดังกล่าว ทำให้ดัชนียังเป็นการแกว่งออกด้านข้าง
ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียที่เปิดมาแล้วช่วงเช้านี้เคลื่อนไหวบวกและลบสลับกัน โดยยังรอติดตามปัจจัยจากสหรัฐเช่นเดียวกัน ส่วนปัจจัยในประเทศยังต้องติดตามการรายงานผลดำเนินงานไตรมาส 1/67 ของบริษัทจดทะเบียนไทย ซึ่งยังคงเป็นปัจจัยที่มีผลต่อการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในประเทศ โดยให้แนวต้าน 1,380 จุด แนวรับ 1,360 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
– ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (13 พ.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 39,431.51 จุด ลดลง 81.33 จุด หรือ -0.21%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,221.42 จุด ลดลง 1.26 จุด หรือ -0.02% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 16,388.24 จุด เพิ่มขึ้น 47.37 จุด หรือ +0.29%
– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีฮั่งเส็งเปิดตลาดที่ระดับ 19,203.82 จุด เพิ่มขึ้น 88.76 จุด หรือ +0.46% ขณะที่ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตเปิดตลาดที่ระดับ 3,148.85 จุด เพิ่มขึ้น 0.83 จุด หรือ +0.03% ส่วนดัชนีนิกเกอิเปิดตลาดที่ระดับ 38,287.99 จุด เพิ่มขึ้น 108.53 จุด หรือ +0.28%
– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (13 พ.ค.) 1,372.50 จุด เพิ่มขึ้น 0.60 จุด (+0.04%) มูลค่าซื้อขาย 45,536.36 ล้านบาท
– นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,197.62 ล้านบาท (13 พ.ค.)
– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมิ.ย.(13 พ.ค.) พิ่มขึ้น 86 เซนต์ หรือ 1.1% ปิดที่ 79.12 ดอลลาร์/บาร์เรล
– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (13 พ.ค.) อยู่ที่ 2.28 เหรียญ/บาร์เรล
– เงินบาทเปิด 36.82 ทรงตัว ไร้ปัจจัยใหม่หนุนทิศทาง ตลาดจับตาถ้อยแถลงประธานเฟดคืนนี้
– “พิชัย ชุณหวชิร” รองนายกฯ และรมว.คลัง มั่นใจกองทุนหุ้นระยะยาว (LTF) จะช่วยดันมาร์เก็ตแคปตลาดหุ้นคืนมาได้ 1 ล้านล้านบาท ส่วนเงื่อนไขของกองทุน ย้ำต้องอายุไม่ยาวมาก พร้อมเล็งออกมาตรการดันตลาดหุ้นเพิ่มอีก ด้านสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) นัดสมาชิก 7 องค์กร หารือฟื้น LTF ช่วงเช้าวันที่ 21 พ.ค. 67 สมาคมบลจ. (AIMC) ลั่น! พร้อมชงกองภาษีรวมถึงความชัดเจนได้แน่ บล.กสิกรไทย (KS) เปิดสถิติการลงทุนใน LTF ระยาว 5-7 ปีปฏิทิน ผลตอบแทนจากการลงทุนยังอยู่ในระดับเฉลี่ย 1-5%
– สื่อนอกเผย “ไบเดน” จ่อขึ้นภาษีรถอีวีจีนเป็น 4 เท่า พุ่งแตะ 102.5% หวังป้องอุตฯ รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศเต็มที่ คาดกำแพงภาษีจีนรอบใหม่นี้ อาจไม่รวมโซลาร์เซลล์บางรายการ ขณะที่นักวิเคราะห์มอง “ไทย” อาจกลายเป็นแหล่งลงทุนทางเลือกใหม่ของ “เทสลา” ยักษ์อีวีเบอร์ 1 สหรัฐ
– เครดิตบูโร เปิดเผยว่า ภาพรวมหนี้ครัวเรือนไทยปัจจุบันอยู่ที่ 91.3% ของจีดีพี มีความอันตรายต่อระบบเศรษฐกิจ โดยข้อมูลหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในเครดิตบูโร ในไตรมาสแรกปี 67 มีมากถึง 13.64 ล้านล้านบาท ไม่นับรวมหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์และหนี้กยศ. ในจำนวนหนี้เป็นหนี้ด้อยคุณภาพ (เอ็นพีแอล) หรือหนี้เสีย 1.09 ล้านล้านบาท คิดเป็น 8% ของหนี้รวม ซึ่งมากที่สุดเป็นหนี้เสียรถยนต์ 2.4 แสนล้านบาท เติบโต 32%, หนี้เสียบ้าน 1.99 แสนล้านบาท เติบโต 18%, หนี้เสียของสินเชื่อส่วนบุคคล 2.6 แสนล้านบาท เติบโต 12% และหนี้เสียบัตรเครดิต 64,000 ล้านบาท เติบโต 14.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน
– “พิชัย” คาดบริษัทบริหารสินทรัพย์ AMC เริ่มบริหารจัดการหนี้เน่าเดือน มิ.ย.นี้ ช่วงแรกรับแก้หนี้ธนาคารออมสินก่อนพร้อมเร่งปลดหนี้ลูกหนี้โควิดค้างชำระไม่เกินรายละ 1 หมื่นบาท ให้หลุดพ้นจากเครดิตบูโร ส่วนคลินิกแก้หนี้ by SAM ไตรมาสแรกปี 67 คนสมัครพุ่งกว่า 43% เป็นกลุ่ม Gen Y มากสุด
หุ้นเด่นวันนี้
– ICHI (กรุงศรี พัฒนสิน) “ซื้อ” เป้าหมาย 23.2 บาท มอง Positive ต่อกำไรไตรมาส 1/67 สูงสุดใน 10 ปีที่ 364 ลบ. (+64% y-y, +23% q-q) สูงกว่าเราและตลาดคาด 8% และ 11% ตามลำดับ จาก Gross margin และส่วนแบ่งกำไรจากอินโดที่ดีกว่าคาด โดยรวมกำไรดีทั้งจากรายได้และ Margin มองกำไรปี 67 คาด +10% ยังเป็นปีที่ดี ไม่มี Downside แม้รวมผลกระทบอากาศจะเริ่มเปลี่ยนเข้าลานีญ่าใน H2/67 โดยมองกำไรไตรมาส 2/67 ยังเพิ่มได้ y-y, q-q หุ้นซื้อขาย PER 19.6 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มฯ และมี Div yield สูงสุดในกลุ่มฯ 5.5%
– CPF (ซีจีเอสไอ) “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 22.90 บาท กำไรปกติพลิกฟื้นที่ 246 ล้านบาทในไตรมาส 1/67 หลังจากขาดทุน 4 เดือนติดต่อกัน ทั้งนี้ไทยและเวียดนามส่งสัญญาณฟื้นตัวใน 4 เดือนปี 67 โดยเฉพาะเดือน เม.ย. เราคาดว่าราคาที่ปรับขุ้นจะหนุน GPM ในไตรมาส 2/67 เป็นต้นไป
– OSP (เมย์แบงก์) เป้าเชิงกลยุทธ์ 23.20 บาท คาดไตรมาส 1/67 กำไรปกติจะเพิ่มขึ้น 25%YoY หนุนจากยอดขายเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 4%YoY อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 226 bps YoY เป็น 35.7% ได้รับแรงหนุนจากต้นทุนก๊าซและค่าไฟฟ้าที่ลดลง ประกอบกับประสิทธิภาพการผลิตที่ดีขึ้นหลังปิดโรงงานขวดแก้วในปี 66 ด้านกำไรไตรมาส 2/67 ยังคาดหวังเติบโตได้ต่อ จากการเข้าสู่ฤดูร้อนช่วยหนุนยอดขาย ขณะที่กำไรทั้งปี 67 คาดขยายตัว 21%YoY ราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER67E ที่ 23 เท่าหรือคิดเป็น -1.5 S.D. จากค่าเฉลี่ย 5 ปี ถือเป็นระดับไม่แพง นอกจากนี้ยังมี Dividend Yield ปี 67 คาดสูง 4.8% ต่อปีช่วยจำกัด Downside ของราคาหุ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (14 พ.ค. 67)
Tags: SET, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นไทย, หุ้นไทย