โบรกมองบมจ.เซ็ปเป้ (SAPPE) ทำกำไรไตรมาส 1/67 New High ต่อเนื่องไปจนถึงไตรมาส 3/67 จากดีมานด์แข็งแกร่ง ยอดคำสั่งซื้อต่างประเทศฟื้นตัวจากไตรมาส 4/66 ที่เป็นช่วง Low Season และในไตรมาส 1/67 ยังรับรู้รายได้จากคำสั่งซื้อที่เลื่อนมาจากไตรมาส 4/66 นอกจากนี้การเพิ่มไลน์การผลิตที่คาดเริ่มผลิตในไตรมาส 2/67 เข้ามารองรับการเติบโตในปีนี้ได้
นางสาวสุรีย์พร ทีวะสุเวทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 1/67 ของ SAPPE คาดกำไรน่าจะกลับมาเติบโตดี โดยฟื้นตัว QoQ จากปัจจัยฤดูกาลและอาจมีคำสั่งซื้อบางส่วนเลื่อนมารับรู้ในไตรมาส 1/67 โดยมองว่ารายได้ไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 1,800 ล้านบาท (+50% QoQ , +19% YoY) หลัก ๆ มาจากยอดขายในต่างประเทศที่มีสัดส่วนรายได้ราว 70-80% จากรายได้รวม รวมทั้งการเข้าสู่ช่วงรอมฎอน ซึ่งสอดคล้องกับตลาดหลักของ SAPPE อาทิ อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งก่อนเข้ารอมฎอนจะส่งออกเครื่องดื่มได้ดีขึ้น
ขณะที่ภาพรวมต้นทุนไม่น่ากังวล แม้ราคาน้ำตาลจะปรับตัวสูงขึ้น แต่บริษัทล็อคราคาน้ำตาลล่วงหน้ายาวนานถึงสิ้นปี 67 แล้ว รวมทั้งจะถูกหักล้างด้วยต้นทุน Pet resin ปรับลดลง ส่งผลให้ GPM ยังรักษาระดับได้อยู่ที่ 44-45% ดังนั้นคาดว่าในไตรมาส 1/67 จะสามารถทำ New High ทั้งรายได้และกำไร
นอกจากนี้ SAPPE อยู่ระหว่างการขยายไลน์การผลิตในโรงเดิมที่มีอยู่ ซึ่งคาดว่าจะเริ่ม COD ได้ในไตรมาส 2/67 ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นมาอีกประมาณ 25% เข้ามาช่วยรองรับการเติบโตในปีนี้ ขณะที่อากาศที่ร้อนจัดในปีนี้จะเป็นปัจจัยหนุนยอดขายเครื่องดื่มของ SAPPE ด้วย ซึ่งไตรมาส 2/67 ยอดขายจะดีขึ้นเนื่องจากเป็นฤดูร้อนของไทยและประเทศในเอเชีย และไตรมาส 3/67 จะเป็นช่วงพีคของยอดขายเนื่องจากเป็นช่วง High Season ของการส่งออก
ทั้งนี้ประเด็นที่ต้องติดตาม ได้แก่ ค่าเงินบาท เนื่องจากรายได้ส่วนใหญ่ของ SAPPE มมมาจากการส่งออก รวมทั้งติดตามราคาต้นทุนวัตถุดิบ และภาพเศรษฐกิจระดับโลกซึ่งอาจส่งผลกระทบก่อคำสั่งซื้อ ซึ่งหากปี 67 ไม่มีปัญหาดังกล่าว รวมทั้งความขัดแย้งในทะเลแดงที่ส่งผลกระทบต่อการขนส่งทางเรือ และยังดำเนินการไปตามแผนที่วางไว้ได้ คาดจะเห็นกำไร New High ตั้งแต่ไตรมาส 1/67 – ไตรมาส 3/67 ขณะที่ไตรมาส 4/67 อาจปรับตัวลงมาตามปัจจัยฤดูกาล
โดยประเมินกำไรของ SAPPE ในไตรมาส 1/67 อยู่ที่ 330 ล้านบาท เติบโต 97% QoQ และ 20-21% YoY โดยให้คำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมาย 108 บาท ซึ่งปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 90 บาท ยังมีอัพไซด์อยู่ ขณะที่การฟื้นตัวในแง่ของ Earning Momentum ไตรมาส 1/67 – ไตรมาส 3/67 กำไรน่าจะปรับตัวเป็นขาขึ้นได้ และจะแน Catalyst หนุนราคาหุ้น
บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุว่า ยอดขายในเดือนม.ค.-ก.พ. 67 กลับมาเติบโต QoQ เนื่องจากการผ่านพ้นช่วง Low Season และเติบโต YoY ในระดับ 20% หนุนจากยอดขาย SAPPE Aloe Vera ที่สูงขึ้นในตะวันออกกลาง ยอดขาย Mogu Mogu ในสหรัฐที่เติบโตจากการเน้นการขยายช่องทาง Mainstream มากขึ้น และการเริ่มรับรู้รายได้จากสินค้าใหม่ในชื่อ “เฟรนซ์โรสต์ by Power Root”
ขณะที่ GPM คาดสูงขึ้น QoQ แม้ราคาน้ำตาลจะปรับตัวสูงขึ้น แต่สามารถชดเชยได้จากราคาเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวลดลง ประกอบกับ U-rate ที่สูงขึ้นตามยอดขาย ซึ่งปัจจัยดังกล่าวทำให้เราคาดกำไรปกติในไตรมาส 1/67 มีโอกาสทำ New High ในกรอบ +/- 320-340 ล้านบาท และคาดว่ากำไรปกติมีโอกาสทำ New High ต่อเนื่องจนถึง ไตรมาส 3/67 เนื่องจากไตรมาส 2/67 บริษัทจะรับรู้กำลังการผลิตใหม่เต็มไตรมาส ประกอบกับลูกค้าในยุโรปกลับมาสั่งซื้อมากขึ้น และไตรมาส 3/67 เป็นการเข้าสู่ช่วง High Season ของธุรกิจที่เป็นการเข้าสู่ช่วงฤดูร้อน
โดยยังคงประมาณการกำไรปกติปี 2567 ที่ 1,345 ล้านบาท (+24% YoY) แต่เราปรับ PER ขึ้นเป็น 24.4 เท่า จากเดิมที่ 18.8 เท่า โดยให้ PER สูงกว่ากลุ่มเนื่องจากแนวโน้มผลประกอบการที่คาดทำระดับสูงสุดใหม่ ประกอบกับมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่ากลุ่ม ทำให้เราได้ราคาเหมาะสมใหม่ ณ สิ้นปี 2567 ที่ 110.00 บาท โดยราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายบน PER67 ที่ 20.6 เท่า และมี Upside gain 22.2% และปรับคำแนะนำขึ้นจาก Trading เป็น ซื้อ
บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุว่า บริษัทตั้งเป้าปี 67 รายได้ +20-25% จากปี 66 (เราคาดปี 67 +11% YoY) โดยยังมั่นใจต่อดีมานด์ในสินค้า Champion Mogu Mogu ยังเป็นจุดเก็บเกี่ยวต่อเนื่อง หลายประเทศยังดีมาก รวมถึงจะเพิ่มสินค้า อาทิ ยุโรป จะเริ่มเปิดตลาด SAPPE Aloe Vera
เราคงประมาณการกำไรปี 67 ไว้ที่ 1,186 ล้านบาท (+10%) (ต่ำกว่า Consensus -10%) โดยประเด็นที่ต้องติดตามคือ แนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านการตลาด ขณะที่ ด้านการหาสายเรือ มองยังบริหารจัดการได้ บริษัทเริ่มหาสายเรือช่วยคู่ค้าในทวีปยุโรป และสถานการณ์ยังเบากว่าช่วงโควิดที่กระทบลูกค้าทุกทวีป
ระยะสั้นไตรมาส 1/67 คาดกำไรเบื้องต้นราว 310 ล้านบาท (+13% YoY, +85% QoQ) มองรายได้ยังเติบโตได้ Double digit YoY จากทั้งการเติบโตปกติ ซึ่งส่วนหนึ่งวางแผนผลิตเพิ่มตั้งแต่ช่วงไตรมาส 4/66 ที่เป็น Low Season แล้ว รวมถึงการส่งมอบออเดอร์ที่ล่าช้ามาจากไตรมาส 4/66
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ลักษณะเชิงตั้งรับ หลัง Upside เริ่มจำกัด โดยมีเป้าหมายราคา 100 บาท มองภาพรวมยังเป็นแบรนด์ไทยที่ทำได้ดีในต่างประเทศ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 เม.ย. 67)
Tags: Consensus, SAPPE, SCOOP, หุ้นไทย, เซ็ปเป้