ศ.ดร.พัดชา อุทิศวรรณกุล คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาฯ หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยแฟชั่นและนฤมิตศิลป์ เผยกางเกงลายช้างที่กำลังเป็นที่นิยม ไม่เพียงแต่เป็นเครื่องแต่งกายที่สะท้อนถึงความเป็นไทย แต่ยังเป็นตัวอย่างของการนำวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่ม การผสานความรู้ทางด้านสิ่งทอและการออกแบบ เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์และสร้างความสำเร็จในตลาดทั้งในและต่างประเทศ
“การผลิตกางเกงช้างถือว่ามีการพัฒนาอยู่เรื่อยๆ ส่งผลถึงการพัฒนาสู่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ จากของฝากสู่การเป็นแฟชั่นไอคอนที่นักท่องเที่ยวต่างชาติต้องมีใส่กันในโอกาสต่างๆ ตั้งแต่เดินเที่ยวสบายๆ ตามตลาด จนถึงการใส่กางเกงช้างในห้างสรรพสินค้า ถือเป็นเสน่ห์แบบไทยๆ ที่สวมใส่ได้ไม่เคอะเขิน” ศ.ดร.พัดชา กล่าว
ศ.ดร.พัดชาชี้ว่า ความสำเร็จของธุรกิจผู้ผลิตกางเกงลายช้าง และการกลายเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมในหมู่คนไทยและชาวต่างชาติเป็นสิ่งยืนยันถึงความสำเร็จของกางเกงช้าง ทั้งนี้ การสนับสนุนจากรัฐในด้านการพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ การส่งเสริมให้มีการพัฒนาลวดลายและกระบวนการผลิต จะช่วยให้กางเกงช้างมีคุณภาพสูงขึ้นและเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
“การทำให้กางเกงช้างเป็นสินค้าวัฒนธรรมที่มีความเป็นสากล ควรผสานความเป็นไทยอย่างแท้จริงกับเสน่ห์ที่ดึงดูดใจทั่วโลก การออกแบบควรทำให้เข้ากับทุกช่วงวัย โดยใช้วิธีการผลิตที่ยั่งยืนและเล่าเรื่องราวของมรดกวัฒนธรรมไทย การทำงานร่วมกับช่างฝีมือท้องถิ่นจะช่วยรักษาความเป็นต้นฉบับ ในขณะที่การตลาดแบบสร้างสรรค์ช่วยนำเสนอแบรนด์ให้กับผู้ซื้อที่กว้างขึ้น ทำให้กางเกงช้างเป็นทางเลือกของไลฟ์สไตล์สำหรับผู้คนทั่วโลกไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่” ศ.ดร.พัดชาให้คำแนะนำ
ศ.ดร.พัดชาเสนอว่ารัฐบาลไทยสามารถใช้กางเกงช้างเป็น Soft Power โดยการนำเสนอในกิจกรรมทูตวัฒนธรรม สนับสนุนช่างฝีมือท้องถิ่น โปรโมทในเหตุการณ์แฟชั่นระดับโลก และใช้พื้นที่ดิจิทัลเล่าเรื่องราวความเป็นมาและความยั่งยืนของกางเกงช้าง เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับไทยและสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น รวมทั้งการจัดหาเครื่องจักรที่มีคุณภาพสูงเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตและจ้างงานคนในประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างงานให้กับชุมชน พร้อมขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐและผู้ประกอบการ “ทำอย่างไร ที่สามารถต่อยอดให้เกิด Demand เพื่อกำไรเหล่านั้นจะกลับมาช่วยสร้างงานสู่ชุมชน และนักออกแบบรุ่นใหม่
“การที่นักออกแบบรุ่นใหม่ได้รับโจทย์ที่จะพัฒนาสัญญะของประเทศไทย ในแง่ของวิชาการแล้ว การหวงแหนการผลิตกางเกงลายช้างให้จำกัด จะเป็นเพียงการสร้างองค์ความรู้แต่ไม่เกิดมูลค่าในด้านอุตสาหกรรม เมื่อผลิตได้น้อยจะกลายเป็นของสะสมไม่ใช่การเติบโตอย่างยั่งยืน เมื่อต่างชาติได้ช่วยเรา “กระแทก” เทรนด์ให้กางเกงช้างของไทยเป็นที่โด่งดังแล้ว เรายิ่งต้องคว้าโอกาสนี้เป็นพลังร่วมกันพัฒนาให้เติบโตมั่นคงไปอีก นักออกแบบรุ่นใหม่ควรหันมาต่อยอดตรงนี้ สร้างมูลค่า ในแง่ของลวดลาย identity ให้มีเรื่องราวและช่วยกันทำให้มีความครีเอทีฟมากขึ้นในรูปแบบต่างๆ เพื่อขยายโอกาสและขยายตลาดการใช้สอย ทำให้กางเกงช้างสามารถไปไกลได้อีก” ศ.ดร.พัดชา กล่าวทิ้งท้าย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (05 เม.ย. 67)
Tags: Soft Power, กางเกงช้าง, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, พัดชา อุทิศวรรณกุล