กลุ่มผู้ให้บริการรถยนต์ในสิงคโปร์ยืนยันว่าไม่มีความล่าช้าในการนำเข้ารถยนต์หรือชิ้นส่วนรถยนต์จากสหรัฐมายังสิงคโปร์ แม้ว่าท่าเรือบัลติมอร์ในรัฐแมริแลนด์ ซึ่งเป็นท่าเรือขนส่งรถยนต์ที่คับคั่งที่สุดในสหรัฐ จะถูกปิดใช้งานอย่างไม่มีกำหนดหลังเกิดเหตุสะพานฟรานซิส สกอตต์ คีย์ บริดจ์ (Francis Scott Key Bridge) พังถล่มเมื่อวันอังคารที่ 26 มี.ค.ที่ผ่านมา
ข้อมูลจากหน่วยงานบริหารท่าเรือแมริแลนด์ระบุว่า ท่าเรือบัลติมอร์รองรับยานพาหนะได้อย่างน้อย 750,000 คันในปี 2566
ผู้สังเกตการณ์ตลาดกล่าวว่า แม้ว่าบรรดาบริษัทขนส่งจะเปลี่ยนเส้นทางสินค้าของตนไปยังท่าเรืออื่น ๆ ในบริเวณใกล้เคียงเนื่องจากการปิดท่าเรือบัลติมอร์ แต่การนำเข้าสินค้าจากสหรัฐไปยังสิงคโปร์และราคาของสินค้าดังกล่าวจะได้รับผลกระทบโดยรวมเพียงเล็กน้อย
นายเดวิด วิเชรัตเน หุ้นส่วนด้านการเติบโตระหว่างประเทศของบริษัทที่ปรึกษาพีดับเบิลยูซี สิงคโปร์ (PwC Singapore) กล่าวกับสำนักข่าวแชนแนลนิวส์เอเชียของสิงคโปร์ว่า ท่าเรือบัลติมอร์เป็นหนึ่งในสองท่าเรือบนชายฝั่งทะเลตะวันออกของสหรัฐที่มีความลึกเพียงพอที่จะรองรับเรือคอนเทนเนอร์ขนาดใหญ่มากที่บรรทุกสินค้าจำพวกยานพาหนะ รวมถึงอุปกรณ์การเกษตรและการก่อสร้าง
อย่างไรก็ตาม นายวิเชรัตเนกล่าวเสริมว่า เมื่อพิจารณาจากการเป็นเจ้าของยานยนต์ในสิงคโปร์ และสัดส่วนของยานพาหนะที่เดินทางมาจากสหรัฐ เทียบกับประเทศอื่น ๆ อย่างญี่ปุ่นและจีน ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการปิดท่าเรือบัลติมอร์นั้นมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับจัดการได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะกลางถึงระยะยาว
รายงานระบุว่า การปิดท่าเรือบัลติมอร์จะมีผลกระทบมากต่อผู้บริโภคในสหรัฐที่รอรถจากยุโรป เนื่องจากการขนส่งเหล่านั้นอาจล่าช้าไปหลายเดือน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 มี.ค. 67)
Tags: สิงคโปร์, อุตสาหกรรมยานยนต์